รีวิว Hanasaku Iroha
ถือเป็นอีกข่าวที่น่าเศร้าสำหรับผู้ชอบแสวงบุญไปสถานที่ต่างๆที่เป็นต้นแบบในอนิเมะที่พวกเราชอบ เมื่อโรงแรม Shidekaku ที่เมือง Kanazawa ซึ่งเป็นต้นแบบให้กับโรงแรม Fukuya สถานที่หลักในอนิเมะเรื่อง Hanasaku Iroha โดยเตรียมที่จะปิดตัวลงหลังจากให้บริการมานานกว่า 1,300 ปี (โรงแรมเปิดตัวตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 719) โดยโรงแรมจะปิดการให้บริการในวันที่ 17 มีนาคม 2018 ซึ่งระหว่างนี้ทางโรงแรมจะรับจองผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น แม้ว่าตัวโรงแรมจะได้รับความนิยมในฐานะแหล่งแสวงบุญของเหล่าแฟนอนิเมะจนติดอันดับ 88 สถานที่สำหรับทัวร์สายอนิเมะ ซึ่งทาง ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูการ์ตูน
โรงแรมไม่ได้แจ้งสาเหตุของการปิดตัวแต่อย่างใด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากครับ ใครที่มีแผนการจะไปประเทศญี่ปุ่นก่อนวันที่ 17 มีนาคมนี้ อย่าลืมแวะกันไปด้วยนะครับ อนิเมะเรื่องนี้จะว่าด้วยโอะฮะนะ มะสึมะเอะ หญิงสาววัยสิบหกปี ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวกับซะสึกิ มะสึมะเอะ มารดา แต่มารดาหนีหนี้สินตามคนรักไปและให้เธอไปอาศัยอยู่กับซุอิ ชิจิมะ ยายที่มิเคยพบหน้าค่าตากันมาก่อน ยายของโอะฮะนะเป็น
เจ้าสำนักโรงแรมและบ่อน้ำร้อนชื่อ คิสซุอิ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึงสมัยไทโช นางซุอิให้หลานทำงานที่โรงแรมเพื่อแลกค่าอยู่ค่ากิน ณ ที่นั้น โอะฮะนะพบว่า ตนเองไม่สามารถเข้ากับพนักงานหลายๆคนได้ จึงท้อแท้เป็นอันมาก ทว่า เมื่อกำหนดใจไว้แล้วว่า จะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตตนให้ดีขึ้น ก็ได้พยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนทั้งปวงหมายจะไปสู่อนาคตที่ดีกว่านี้
สาวเรียวกังนี่เป็นอีกหนึ่งเมะเก่าที่ผมนำมาเปิดดูเนื่องจากมันเบื่อๆ ซึ่งไปเจอมาจาก Pantip มีคนนึงพูดถึงเรื่องดูเรื่องนี้จบโอเค เราก็ลองดูมั่ง ปรากฏว่า ติดครับ! เมะเรื่องนี้เก่าพอสมควร มีพากย์ไทย มีแผ่นขาย ไปซื้อกันได้ สตู P.A. Works ไม่ทำให้คุณผิดหวังทั้งตัวละครและเพลงประกอบ โทนหน้าก็ประมาณ Charlotte, Angel Beats!, Nagi no Asukara ไรสักอย่าง
เรื่องย่อก็คือ สาวโลกสวยผู้คิดบวกนั้นเนื่องจากผัวใหม่แม่พาคนมาทวงหนี้ ทำให้โอฮานะต้องไปอยู่กับยาย ซึ่งเปิดเรียวกังอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง โดยโอฮานะจะต้องมาเป็นบริกร เพื่อแลกกับที่อยู่และเงินเดือนค่ากิน สตอรี่หลักๆ ก็จะเกี่ยวกับเรียวกัง และความสัมพันธ์ของแต่ละคนนี่แหละ
อยากจะพูดถึงเรื่องตัวละครก่อนเลย ขอสารภาพว่าจำชื่อโอฮานะเป็น ยัยไข่ข้าว… นี่นั่งค้นอยู่ว่าชื่อจริงๆมันอะไรกันแน่นาา แต่ช่างมันเถอะ ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า ใครที่ไม่ชอบตัวเอกโลกสวย งี่เง่าก็อย่าดูเลย ตอนกลางๆเรื่องผมแทบจะทุบโต๊ะคอม แล้ว wtf รัวๆ อะไรของมืงเนี่ยยย ประมาณนี้ เพราะนางแบบ ดูสับสนตัวเองมาก
ฟีลตอนแรกๆ จะเป็นประเภทแบบ คนที่แบกรับอะไรเยอะแยะไปหมดขนาดนี้มันไม่เครียดตายเหรอ(?) แต่กลางๆก็เริ่มโอเค มีตัวละครขวางโลกอีกตัวนึง ต้องลองดู จุดเด่นของมันก็คือคาแรคเตอร์ ส่วนจุดด้อยเราก็ว่าคาแรคเตอร์เช่นกัน ส่วนเนื้อเรื่องนั้นถือว่าเกลี่ยบทได้ดี แสดงถึงความสัมพันธ์ ปัญหาของแต่ละคน แต่บางตัวก็อะไรลวกๆไปหน่อย
เนื้อเรื่อง รีวิว Hanasaku Iroha
เพลงทำได้ดีสมเป็นมาตรฐานของเจ้านี้นั่นแหละ แต่พอนึกถึงสมัยชาล็อตที่ถูกใส่เพลงมาขายมันก็เซงๆนิดนึง (ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้) ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้ฉากเซอร์วิสไร้หัวเยอะพอสมควร สามารถเสพเรือนร่างได้แบบสบายตา ไม่ได้เหมือนโดนยัดเยียดแบบบางเรื่อง พอทาเนมูระ โคอิจิหรือโคจังรู้ว่าโอฮานะต้องย้ายไปอยู่กับคุณยายที่คิสซุยโซ เขาก็ตัดสินใจสารภาพรักกับโอฮานะ ถึงจะไม่ได้รับคำตอบทันทีแต่เขาก็ส่งเมลล์หาเธอตลอด ส่วนโอฮานะก็ทำตัวครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้รับรักหรือปฏิเสธให้ชัดเจน จนกระทั่งโคจัง
เริ่มถอดใจยอมแพ้ ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ต่างคนต่างก็รู้ว่าเขาตั้งใจที่จะตัดใจจากเธอแล้วและตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์รั้งเขาไว้ วินาทีนั้นโอฮานะถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองก็ชอบโคจังเช่นกันตอนที่จัดงานวัฒนธรรมที่โรงเรียนห้องของโอฮานะและมินโกะตกลงกันว่าจะทำคาเฟ่เจ้าหญิง มินโกะเพื่อนของโอฮานะซึ่งทำงานเป็นแม่ครัวฝึกหัดที่คิสซุยโซได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายทำอาหาร เธอปฏิเสธเมนูข้าวห่อไข่ที่เพื่อนเสนอเพราะเธอรู้ดี
ว่าอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหารในห้องเรียนมันไม่สามารถทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยได้เพราะความร้อนมันร้อนไม่พอ ซึ่งมินโกะไม่ได้อธิบายให้เพื่อนฟังแบบนี้ เธอบอกเพื่อนแค่ว่าเราไม่สามารถทำข้าวห่อไข่ได้ก็เลยตัดเมนูนี้ออกไป เลยทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตเพราะไม่มีใครรู้เหตุผลที่เธอปฏิเสธความคิดของเพื่อน
การตัดสินใจปิดโรงเตี๊ยมของนายหญิงก็เช่นกัน เธอตั้งใจจะปิดโรงเตี๊ยมคิสซุยโซหลังจบงานเทศกาลบงโบรุ เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาแบกรับภาระต่อ ถึงจะไม่เคยพูดแต่นายหญิงเองก็คิดมาตลอดว่าคิสซุยโซที่เป็นความฝันของตัวเองได้ทำร้ายทั้งลูกๆและพนักงานมาตลอด เธอเลยตั้งใจปิดกิจการเพื่อปลดปล่อยทุกคนไปจากความฝันของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันนายหญิงก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทั้งลูกและพนักงานต่างก็รักคิสซุยโซไม่แพ้เธอ
ทุกคนจึงคัดค้านและต่อต้านนายหญิงเพราะเธอบอกเพียงแค่ว่าจะปิดกิจการโดยที่ไม่อธิบายอะไรเลย แต่ท้ายที่สุดเมื่อคนเข้าใจถึงเหตุผลของนายหญิงก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร ทุกคนแยกย้ายไปตามทางของตัวเองและสัญญากันว่าถ้าคิสซุยโซเปิดอีกครั้งทุกคนก็พร้อมที่จะกลับมา
เมื่อโอฮานะคุ้นเคยกับการทำงานที่คิสซุยโซ เธอทุ่มเทให้กับการทำงาน ตื่นแต่เช้ามาทำความสะอาดทุกที่จนเอี่ยมก่อนที่พนักงานคนอื่นจะมาถึง และพยายามไล่ค้างคาวที่หลงเข้ามาตรงโถงทางเดินให้ออกไปจากโรงเตี๊ยมด้วยตัวคนเดียวจนทำให้ล้มป่วย นั่นเพราะเธอตั้งใจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร ถ้าหากขอให้เพื่อนมาช่วยตั้งแรกก็คงไม่ต้องมาป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอที่พักผ่อนไม่พอแบบนี้
หรือแม้แต่ตอนที่มินโกะทะเลาะกับเพื่อนช่วงจัดงานวัฒนธรรมโรงเรียนเธอก็ตัดสินว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวทั้งคิดเมนู ไปซื้อวัตถุดิบ เตรียมวัตถุดิบ และทำอาหารเอง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่เมื่อทุกคนเข้าใจเหตุผลของมินโกะและกลับมาช่วยทุกอย่างก็เสร็จอย่างรวดเร็ว เมนูข้าวห่อไข่ที่คิดว่าทำไม่ได้พอมาลองคิดช่วยกันอีกครั้ง พวกเธอก็พบวิธีที่สามารถทำเมนูนี้ให้อร่อยได้ด้วยอุปกรณ์ที่มี
ตลอดเวลาที่อยู่โตเกียวโอะฮานะไม่เคยมีความฝันไม่เคยมีเป้าหมาย และเมื่อได้มาทำงานที่คิสซุยโซแรกๆ เธอเกลียดคุณยายที่เป็นนายหญิงเพราะเป็นคุณยายทั้งดุทั้งเข้มงวด ห้ามเรียกยายต้องเรียกว่านายหญิงเท่านั้น และบอกกับเธอว่า “ถ้าอยากจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำงาน” ปฏิบัติกับหลานเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง แต่เมื่อโอฮานะคุ้นเคยกับการทำงานและเข้าใจนายหญิงมากขึ้น เธอก็พบว่าตัวเองรักคิสซุยโซอยากเป็นเหมือนนายหญิง เป็นคนที่ยึดมั่นในการทำงานและทำงานอย่างขันแข็ง ถึงบางครั้งจะทำตัวเป็นเด็กไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยลืมความปรารถนาในตอนแรก
ส่วนมินโกะที่ใฝ่ฝันที่จะเป็นแม่ครัวจนทะเลาะกับที่บ้านเลยมาทำงานเป็นแม่ครัวฝึกหัดที่คิสซุยโซแม้ว่าที่บ้านจะไม่ยอมรับก็ตาม ถึงจะเห็นว่ามินโกะจริงจังและแน่วแน่กับความฝันขนาดนั้น แต่ความฝันของเธอนั้นมันก็เริ่มมาจากที่เธอได้นั่งดูพ่อครัวทำข้าวห่อไข่ และได้แรงบันดาลใจบางส่วนจากหนังสือการ์ตูนที่อ่านเท่านั้นเอง
รีวิว Hanasaku Iroha
เมื่อคิสซุยโซถึงคราววิฤตกิจการย่ำแย่เริ่มไม่มีลูกค้า อีกทั้งยังขาดทุนเพราะถูกโปรดิเซอร์สร้างภาพยนตร์โกง ทั้งโทกาโกะลูกสะใภ้และซัตสึกิแม่ของโอฮานะที่หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่จบม.ปลายต่างก็ช่วยกันตามตัวโปรดิวเซอร์คนนั้นเพื่อถวงเงินคืน และซัตสิกิที่ทำงานเป็นบก.ยังเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับคิสซุยโซลงในนิตยสารนำเที่ยวทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น
ช่วงเทศกาลบงโบรุโรงเตี๊ยมคิสซุยโซมีลูกค้าเยอะจนพนักงานไม่พอ ซัตสึกิที่ตั้งใจกลับมาคิสซุยโซเพียงเพื่อเที่ยวงานเทศกาลบงโบรุก็ต้องพับเรื่องเที่ยวเก็บเอาไว้ แล้วมาช่วยงานที่คิสซุยโซก่อน ถึงจะออกจากบ้านไปนานจนดูเหมือนว่าจะตัดขาดจากกันไปแล้วและปากก็บอกว่าเกลียดแต่เมื่อเกิดปัญหาครอบครัวก็ยังคงช่วยเหลือกันและกันเสมอ
ชีวิตประจำวันของคนเราที่บางทีมันก็วนอยู่แต่ลูปเดิม ๆ ทำให้เราเคยชินจนไม่ทันได้สังเกตว่าภายใต้ความธรรมดาเหล่านั้นมันอาจมีแง่คิดดีๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ไม่สิ! ต้องมีอยู่แน่ ๆ เห็นชีวิตธรรมดาโอฮานะแต่มีทั้งความรัก ความฝัน ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว และครอบครัวแบบนี้แล้ว ก็ลองกลับไปสังเกตชีวิตแสนธรรมดาของตัวเอง สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย (ญี่ปุ่น: 花咲くいろは; โรมาจิ: Hanasaku Iroha; “สีสันแห่งการผลิบาน”) หรือเรียกโดยย่อว่า ฮะนะอิโระ (花いろ; “สีสันดอกไม้”) เป็นชื่ออนิเมะโทรทัศน์ชุดหนึ่งซึ่งมะซะฮิโระ อันโด (Masahiro Andō)
กำกับ, มะริ โอะกะดะ (Mari Okada) เขียนเรื่อง, เมล คิชิดะ (Mel Kishida) ออกแบบตัวละคร และบริษัทพีเอเวิกส์ (P.A. Works) ผลิตเพื่อเฉลิมฉลองปีที่สิบแห่งกิจการของตน โดยนำออกฉายทางโทรทัศน์ญี่ปุ่นในเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2554 ต่อมา ได้รับการดัดแปลงเป็นมังงะลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารด้วย เนื้อหาว่าด้วยหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งถูกมารดาส่งไปอยู่กับยายผู้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมและบ่อน้ำร้อนเก่าแก่ โดยต้องทำงานเป็นบริกรในโรงแรมนั้นแลกที่อยู่ที่กิน กับทั้งต้องประเชิญและฟันฝ่าความกดดันตลอดจนอุปสรรคนานัปการเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
จากคนรอบข้างและไปสู่อนาคตที่ดีกว่าดังมุ่งหวัง อนิเมะนี้ชี้ปัญหาหลายประการทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาในวงครอบครัวและการทำงานที่นับวันผู้เยาว์จำต้องแบกรับมากขึ้นเนื่องจากการกระทำของผู้ใหญ่ โดยนำเสนอผ่านเนื้อเรื่องแนวตลก นาฏกรรม และวีรคติ เมื่อเผยแพร่แล้วก็ได้รับความนิยมเป็นอันมาก ทั้งเป็นโอกาสให้ฝ่ายบ้านเมืองญี่ปุ่นสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวด้วย ครั้นปลายปี 2554 พีเอเวิกส์ประกาศว่า ได้ดำเนินโครงการที่สองของอนิเมะนี้ โดยเป็นอนิเมะยาวเรียก ฮะนะซะกุอิโระฮะโฮมสวีตโฮม (Hanasaku Iroha Home Sweet Home) เพื่อฉาย ณ โรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นในปีถัดมา
อนิเมะนี้ บริษัทพีเอเวิกส์ ผลิต, ซะฮิโระ อันโด กำกับใหญ่, มะริ โอะกะดะ เขียนบท, คะนะมิ เซะกิงุชิ (Kanami Sekiguchi) กำกับการเคลื่อนไหวโดยสร้างตัวละครขึ้นจากแบบที่เมล คิชิดะ ร่างขึ้น, จิง อะเกะตะงะวะ (Jin Aketagawa) กำกับเสียง และชิโร ฮะมะงุชิ (Shirō Hamaguchi) ประพันธ์เพลงประกอบ ครั้นแล้ว จึงออกฉายทางโทรทัศน์ญี่ปุ่นผ่ายเครือข่ายของโตเกียวเอ็มเอกซ์ (Tokyo MX) กับทั้งเผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์
บราซิล และโปรตุเกส สิบสี่ประเทศ ผ่านเว็บไซต์ครันชีโรล (Crunchyroll) ในเวลาเดียวกัน คือ ทุก ๆ วันอาทิตย์ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2554 ถึงวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน ปีเดียวกันนั้น ต่อมา บริษัทโพนีแคนยอน (Pony Canyon) จึงเผยแพร่เป็นดีวีดีและบลูเรย์เป็นชุด ๆ ชุดแรกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2554 ชุดสุดท้าย คือ ชุดที่หก จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554
สำหรับประเทศไทย บริษัทโรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ แถลงเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2555 ในงานแคปซูลครั้งที่ 17 ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพมหานคร ว่า ได้รับอนุญาตให้นำอนิเมะนี้เข้ามาเผยแพร่ มีกำหนดจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายน 2555แต่ภายหลังเลื่อนมาเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2555 โดยเปิดตัว ณ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 17 ในวันนั้นเอง รีวิว อนิเมะ