รีวิว Castlevania Season 2

มาไวกว่าที่คิดสำหรับ Castlevania ฉบับการ์ตูนซีรีส์อนิเมะ Netflix ที่ประกาศเปิดตัวมาพักใหญ่ และล่าสุดมาให้ชมแล้ว แถมเวอร์ชั่นไทยจะมี ซับไทย มาให้ชมกันด้วย โดยหากคุณอยากชมกดไปสมัครสมาชิกได้ที่ Netflixโดยตอนนี้สมัครจะชมฟรีเดือนแรก ทำให้เราสามารถชมได้โดยไม่เสียเงิน โดยจะมีให้ชมทั้งหมด 4 ตอน ตอนละ 25 นาที ซึ่งเหมือนเป็นการเล่าเรื่องปูเข้าไปสู่ซีซั่น 2 ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูการ์ตูน

 

โดย Castlevania ฉบับนี้สร้างโดยอิงเรื่องราวจากเกม Castlevania 3: Dracula’s Curse ที่เคยออกบนเครื่องแฟมิคอม แต่มีการดัดแปลงหลายส่วน แต่ก็ยังมีตัวละครหลักจากเกมอย่าง Trevor Belmont ตำนานแส้ของตระกูล Belmont ,  Alucard  ลูกชายของ Dracula และสาวน้อย Sypha Belnades ที่เสริมความเข้มข้นให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะตัวเอกมีความกวนและฮา ผิดกับภาพตัวเอกทั่วๆไปอย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะถูกสร้างจากเกมบนแฟมิคอม แต่ความรุนแรงของภาพในซี

 

รีวิว Castlevania Season 2

 

รีส์ถือว่าสูงมากๆ เรียกว่าเห็นอวัยวะลอยกระเด็น หัวขาด ไส้ทะลักกันแบบไม่เกรงใจ ดังนั้นมันไม่เหมาะกับเด็กๆชมแน่นอนหลังจาก Castlevania ฉบับการ์ตูนซีรีส์อนิเมะฉายทางช่อง Netflix แม้ว่าจะสั้นไปหน่อยเพราะมีแค่ 4 ตอน แถมยังเป็นแค่การเล่าเรื่องปูไปสู่สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจ แต่ก็เรียกความอยากชมได้มาก แถมในเรื่องยังมีการเอาเรื่องราวจากเกมมาปรับให้เข้ากับการนำเสนอในรูปแบบการ์ตูนได้ลงตัว

 

และข่าวดีสำหรับคนที่ชอบซีซั่นแรก เพราะซีซั่น 2 ของ Castlevania บน Netflix จะมีตอนเพิ่มเป็น 2 เท่าโดยจะมีทั้งหมด 8 ตอน เพิ่มมา 4 ตอน โดยซีซั่นแรกแต่ละตอนจะมีความยาว 25 นาทีคาดว่าก็ยังคงมีความยาวเท่าเดิม โดย จะเป็นการสานต่อ เรื่องราวที่เอามาจากเกม Castlevania 3: Dracula’s Curse บนเครื่องแฟมิคอม ซึ่งเป็นการออกต่อไปปราบ Dracula ของ Trevor Belmont ตำนานแส้ของตระกูล Belmont , Alucard ลูกชายของ Dracula และจอมเวทย์ Sypha Belnades

 

รีวิว Castlevania Season 2

 

ซีรีส์ Castlevania ฉบับการ์ตูนซีรีส์อนิเมะบน Netflix ซีซั่นแรกเปิดให้ชมแล้ววันนี้ แต่ตัวซีรีส์มีภาพความรุนแรงสูงระดังหนังเรต R ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับเด็ก โดยคุณสามารถสมัครเพื่อรับชมได้ที่ Netflix หลังจากที่จบซีซั่นแรกได้น่าสนใจพร้อมคำบ่นจำนวนตอนที่สั้นเกินไป การกลับมาอีกครั้งของแก๊งค์นักล่าแวมไพร์กับการปราบแดร็กคูล่า ด้วยความยาวที่มากขึ้นเท่าตัวคือ 8 ตอน แล้วมันจะดีไหม

 

สหลังจากดูจบ มันมีความรู้สึกที่ขัดกันเองอยู่ มีทั้งส่วนที่เข้าขั้นรักเลยกับส่วนที่เกลียดปนผิดหวังคละเคล้ากันไป ส่วนที่รู้สึกไม่ชอบก็คือเรื่องราวที่ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ เพราะว่าไอ้ส่วนที่ยืดมา 8 ตอน เนื่อหาบางส่วนทำให้เรื่องมันดูยืดยาดแทน ทั้งที่เอาจริง ๆ สามารถตัดตัวละครบางตัวทิ้งเพื่อไปเสริมเนื้อหาส่วนอื่นให้สมบูรณ์กว่านี้ได้แท้ ๆ หรือไม่ก็ทำให้เรื่องมันกระชับไม่จำเป็นตอนยืดยาวมาถึง 8 ตอนยังได้ รวมไปถึงกิมมิคบางอย่างช่วงท้ายของเรื่องที่อาจทำให้แฟน ๆ ของตัวเกมแอบผิดหวัง

 

รีวิว Castlevania Season 2

 

หน่อย ๆ ที่มันมาเร็วไปเร็วเสียเหลือเกิน อีกทั้งการเน้นไปที่ตัวของ Alucard ให้เด่นเพียงคนเดียว ทำให้เนื้อหาที่ปูมาตอนซีซั่นแรกบางส่วนไม่ได้ไปสุดในทางที่มันควรจะเป็นด้วยแต่ในข้อเสียช่วงท้าย หากมองลึกถึงแก่นหลักของเรื่องจริง ๆ นั่นคือการสำรวจจิตใจและครอบครัวของ Dracula อนิเมชั่นตัวนี้ถือเป็นงานที่ควรถูกยกย่องในฐานะสื่อบันเทิงที่ดัดแปลงจากเกมได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่ง ตัว Season ที่ 2 อาจไม่ได้

เนื้อเรื่อง รีวิว Castlevania Season 2

เน้นไปที่การผจญภัยหรือบู๊แหลกอย่างที่หลาย ๆ คนคิด แต่มันกลับเลือกที่จะสำรวจเข้าไปในจิตใจลึก ๆ ของตัวละครแต่ละตัวแทน ไม่ว่าจะเป็นแก๊งค์ตัวเอก หรือ ฝั่งของ Dracula ที่ต่างมีเหตุผลที่เราชวนเห็นใจและเข้าใจในการกระทำ ซึ่งอนิเมชั่นตัวนี้ได้สื่อตัวละครยอดนิยมของซีรีส์หลาย ๆ คนในมุมมองที่คุณอาจไม่ได้คิด และทำให้คุณมองตัวละครเหล่านี้มีชีวิตจิตใจมากขึ้นกว่าเดิม นับว่าเป็นการดัดแปลงที่ยอดเยี่ยม และมาจากคนที่รักเกมซีรีส์นี้จริง ๆ

 

ในส่วนของฉากแอ็คชั่น ที่ซีซั่นนี้ถ้าวัดกันที่สัดส่วนแปดตอน ปริมาณก็แทบจะเท่ากับซีซั่นหนึ่งเลยทีเดียว แต่กลับทำออกมาได้ดียอดเยี่ยมมาก ๆ จินตนาการฉากแอ็คชั่นตอนสุดท้ายของซีซั่นหนึ่ง แต่ถูกจัดเต็มและยาวกว่า โดยเฉพาะฉากต่อสู้ช่วงสุดท้ายที่ สนุกมากกก อีกทั้งภาคนี้ยังยัด Easter Egg เข้าไปให้แฟน ๆ ได้ฟินกันตายไปข้างหนึ่ง โดยมันไม่ได้ยัดแบบขอไปที แต่ยัดได้เข้ากับเรื่องราวแบบลงตัว ทำให้เห็นว่าทีมงานใส่ใจกับอนิเมชั่นเรื่องนี้มาก และแน่นอนสิ่งที่หลาย ๆ คน

 

 

บ่นคือ OST จากเกมไม่ได้ถูกนำมาใช้ ขอบอกว่าภาคนี้นำมาใช้ครับ แล้วเป็นโมเมนต์ที่ผมขอบอกว่า ชวนให้ขนลุกแบบสุด ๆสรุปแล้ว Castlevania Netflix Season 2 มันอาจไม่สมบูรณ์อย่างที่เราคาดหวัง (และเชื่อว่าแฟนต่างประเทศจะเถียงกันแบบแบ่งฝ่ายแน่นอน) กิมมิคบางอย่างของเกมหายไปจนน่าผิดหวัง รวมไปถึงบทหลาย ๆ ตอนที่ยืดยาวและไม่จำเป็น แต่หาก

 

สำรวจแก่นแท้จริง ๆ ตั้งแต่ซีซั่นหนึ่ง นี่นับเป็นผลงานการดัดแปลงวิดีโอเกมที่น่ายกย่องที่สุดเรื่องหนึ่ง หากใครไม่ได้ผูกพันกับ Castlevania การดูอนิเมชั่นเรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์ที่น่าลอง สวนแฟน ๆ หากตัดเรื่องว่าอยากได้นั่นได้นี้ไปแล้วมองที่เนื้อหาจริง ๆ คุณจะชอบมันมาก ๆ เลยล่ะ เรื่องย่อ มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางมาถึงปราสาทแห่งหนึ่ง เพื่อต้องการเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ ๆ เพื่อมารักษาคนในหมู่บ้านของเธอ เธอจึงพบกับแดร็กคิวล่าผู้ที่ครอบครองเทคโนโลยีและศาสตร์มืด แต่ว่าการพบพาครั้งนี้จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้ง

 

 

ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวคนนั้นถูกประหารเพราะเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด จึงทำให้แดร็กคิวล่าเกิดคลั่งไล่ฆ่าประชาชนทั่วไปและหวังจะทำให้มนุษย์สูญพันธ์ จึงเป็นหน้าที่ตระกูลนักล่าแวมไพร์อย่าง Belmont ที่จะต้องมาไล่ล่ากำจัดแดร็กคิวล่าอีกครั้งถ้าคุณเป็นสาวก แคสเซิลวาเนีย อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เอาใจแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี การดัดแปลงเนื้อหาให้มีความสมจริงมากขึ้นจากในเกมที่เนื้อเรื่องมีแค่กำจัดแวมไพร์แค่นั้น อนิเมชั่นอาร์ตสไตล์ที่ออกแบบได้มาอย่างดี จะเสียอย่าง

 

ตรงที่การปูเนื้อเรื่องในซีซั่นแรกที่นานไปหน่อยและจำนวนตอนที่น้อยเกินไป ที่ออกมาเพียง 4 ตอนเท่านั้นและต้องเว้นห่างจากซีซั่น 2 ถึง 1 ปี เรียกได้ว่าอารมณ์ค้างกันเลยทีเดียว เพราะซีซั่นแรกพึ่งจะได้ปาร์ตี้ไปตบปราสาทแดร็กคิวล่าเองด้านเนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่เลยสำหรับยุคนี้ เนื้อหาค่อนข้างวนอยู่กับที่ในช่วงแรกเกี่ยวกับความมืดในจิตใจมนุษย์และความโหดเหี้ยมของศาสนจักร ใครที่ถูกศาสนจักรตีตราว่าเป็นคนชั่ว คนทั่วไปก็จะเชื่อตาม คนรวยที่มีอิทธิพล

 

 

ต่อบ้านเมือง ทาส และความเห็นแก่ตัว เรียกได้ว่าเป็นพล็อตที่เราอาจจะเจอในหนังหรือมังงะในสมัยได้ตามปกติเลย แต่พอช่วงซีซั่นสองเราจะได้เห็นการขยายจักรวาลของเรื่องนี้ต่อมันทำให้เรื่องนี้มีความน่าติดตามมากขึ้นถ้าเทียบกับซีซั่นแรก ฝั่งแดร็กคิวล่าไม่ใช่ว่าจะมีแต่แดร็กคิวล่าคนเดียวที่เป็นตัวละครหลัก แต่มีตัวละครหลักเยอะมากถ้าเทียบกับฝั่งตัวเอก

รีวิว Castlevania Season 2

ที่มีอยู่กันไม่กี่คนโดยเฉพาะการเล่าอดีตความเป็นมายิ่งทำให้ยิ่งเชียร์ฝั่งแดร็กมากกว่าตัวเอกซะอีก ถ้าไม่ติดว่าเป็น Alucard คงเชียร์ฝั่งร้ายไปแล้ว 5555 นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฝั่งแดร็กคิวล่ามีความน่าติดตามมากว่าฝั่งตัวเอกอย่างมาก ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการเอาเนื้อเรื่องจากเกมมาต่อยอดได้อย่างประทับใจอย่างมากเมื่อเทียบกับเนื้อเรื่องเพียงแค่สองบรรทัดหลัก ๆ ในเกม

 

อนิเมชั่นดีไซน์ยอดเยี่ยมแต่ฉากต่อสู้ยังไม่ค่อยโดนใจซักเท่าไหร่ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ภาพสวยสไตล์อนิเมชั่นของอเมริกาแต่ว่า มีฉากที่เฟรมวาดนั้นไม่สม่ำเสมอโดยเฉพาะฉากต่อสู้ จึงทำให้บางครั้งรู้สึกหงุดหงิดไปบ้าง และรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากในการต่อสู้แต่ละครั้ง

 

 

โดยรวมเรื่องนี้ถ้าใครเป็นสาวกตระกูลแส้ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเพราะเนื้อหาและจักรวาลที่ทำมาออกมาได้ดี มีการปูบทถัดไปได้อย่างน่าสนใจ ไม่แน่ว่าอาจจะทำเป็น Timeline ต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเกมเองก็เล่าเนื้อเรื่องต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคปัจจุบันเลยทีเดียวอย่างภาค Dawn of Sorrow ที่มี Alucard มาร่วมแจมด้วยในญี่ปุ่น

 

จุดเริ่มต้นเมื่อลิซ่าชาวบ้านแสนธรรมดาจากหมู่บ้านลูปูได้เดินทางมาที่ปราสาทแดร็กคิวล่าเพื่อหาวิทยาการใหม่ในการรักษาคน เมื่อเธอเจอกับแดร็กคิวล่าเธอไม่มีท่าทีที่จะกลัวเขาเลย แต่กลับแสดงท่าทีความอยากรู้อยากเห็นและแนะนำให้เขาออกไปเดินทางรอบโลกเพื่อรู้จักสิ่งใหม่ ๆ จนทำให้แดร็กคิวล่าสนใจในตัวลิซ่าและแต่งงานด้วยกันหลายปีถัดไป ลิซ่าได้ถูกศาสนจักรจับตัวนำไปประหารเผาทั้งเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด ในขณะที่แดร็กคิวล่าพึ่งเดินทางมาถึงบ้านของตน

 

 

เขาได้พบว่าบ้านของตนถูกเผาไปแล้ว และลิซ่าได้ถูกประหารไปแล้วจากคำบอกเล่าของคนไข้ของลิซ่าที่ เดินทางมาเพื่อไว้อาลัย ทำให้แดร็กคิวล่าหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด และเริ่มใช้มนตร์ดำประกาศเตือนชาววอลลาเซียว่า อีกหนึ่งปีให้หลังจงสร้างสันติและลบร่องรอยแห่งการกระทำนี้ทั้งหมด หลังจากนั้นแดร็กคิวล่าจะรวบรวมกองทัพมากำจัดเมืองวอลลาเซียให้สิ้นซาก และแล้วก็ผ่านไปหนึ่งปีวอลลาเซียก็พังพินาศตามคำกล่าวของแดร็กคิวล่า รีวิว อนิเมะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *