รีวิว Eden

อนิเมะไซไฟโลกดิสโทเปีย มนุษย์คนเดียวในโลกที่มีแต่หุ่นยนต์ แล้วยังวิพากษ์กฎสามข้อของหุ่นยนต์ที่โด่งดังและจิกกัดสังคมมนุษย์ ได้กลิ่นอายของอนิเมะหลายเรื่องมายำรวมกัน ดูเพลินๆได้ รีวิว Eden Netflix อนิเมชั่น ไซไฟแนวดิสโทเปีย ที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์คนเดียวในโลกอนาคตที่มีแต่หุ่นยนต์ เรื่องเต็มไปด้วยการจิกกัดสังคม ปรัชญา ศาสนา และยังเล่นประเด็นเรียกร้องให้คนรักษาสิ่งแวดล้อม ที่พอโลกไม่มีมนุษย์เหลือแล้วก็ทำให้โลกฟื้นฟูกลับมามีสีเขียวและอุดมสมบูรณ์ อนิเมชั่นจะเป็นขนาดสั้น 4 ตอนจบ ตอนละ 25 นาที

 

ซึ่งการเล่าเรื่องราวก็จะต่อเนื่องกันหมดเสมือนเรากำลังดูภาพยนตร์อนิเมไซไฟชั้นเยี่ยมเรื่องหนึ่ง ผลงานกำกับโดย Justin Leach ซึ่งเป็นอนิเมเตอร์ด้านสเปเชียลวิชชวลที่เคยร่วมในการสร้างผลงานชื่อดังอย่าง Ghost in the Shell 2, Last Exile และ Star Wars: Clone Wars มาแล้ว สามารถรับชมได้เลยทาง Netflix อเนิเมชั่นจะเล่าเรื่องราวของโลกดิสโทเปียที่มนุษย์สูญสิ้นไปแล้วพันปี เหลือแต่หุ่นยนต์อยู่อาศัย กระทั่งหุ่นยนต์เพื่อการเกษตรสองตัวในพื้นที่ อีเดนสาม ได้บังเอิญค้นพบเด็กมนุษย์ที่ชื่อว่า “ซาร่า” โดยบังเอิญ แล้วตัดสินใจเลี้ยงดูเธอจนเติบโต ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูการ์ตูน

 

รีวิว Eden

 

แต่เนื่องจากในโลกอนาคตนั้น มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกตั้งค่าว่าเป็นภัยต่อโลก ทำให้หุ่นยนต์ทั้งสองกลัวว่าหากหุ่นยนต์ของกองกำลังตรวจสอบพบเข้า ซาร่าก็จะเป็นอันตราย ทั้งสองจึงตัดสินใจพาตัวซาร่าหนีไปเลี้ยงดูในพื้นที่ลับๆ เพื่อปกป้องซาร่าเอาไว้จากการตามล่าของกองกำลังหุ่นยนต์ที่มี “ซีโร่” เป็นผู้นำ

 

อนิเมชั่นเรื่องนี้ยังมีการดัดแปลงลงสู่ฉบับมังงะในชื่อเดียวกันของ สึโยชิ อิโซโมโตะ ซึ่งเพิ่งเขียนออกมาในต้นปี 2021 นี้เอง โดยตัวอนิเมชั่นเป็นการรวมทีมสร้างมากฝีมือหลายคนเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะ ยาสึฮิโระ อิริเอะ ที่เคยมีผลงานด้าน CG จาก FMA: Brotherhood มาดูแลด้าน CG และงานภาพให้ด้วย

 

รีวิว Eden

 

สำหรับโปรดักชั่นและตัวเรื่องจัดว่าเป็นอนิเมชั่นที่ใช้คาแรคเตอร์ดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่นผสมงานภาพแบบอเมริกัน เนื้อหาจะมีกลิ่นอายแบบไซไฟของ ไอแซค อาสิมอฟ + จิบลิ + พิกซาร์ + Wall-E + โดยบางช่วงจะผสมผสานเรื่องราวแนวไซไฟทริลเลอร์คล้ายกับสไตล์ของ ปรมาจารย์ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ (ผู้สร้างโดราเอมอนและอื่นๆ มากมาย) และ ริดลีย์ สกอต (ผู้สร้างเอเลี่ยนและโพรเมทิอุส)

 

สำหรับตัว CG กราฟฟิก จะมีความเป็นการ์ตูนเด็กสูงมาก และบางฉากก็ทำออกมาดูตลก แต่ดูเหมือนเป็นความตั้งใจของทีมสร้างที่ต้องการไม่ให้เรื่องมันหนักเกินไป และจะว่าไปแล้วก็เข้ากับเรื่องดีพอสมควร ส่วนการดีไซน์คาแรคเตอร์ดีไซน์ของนางเอกอย่างซาร่าก็แอบมีการขายความเซ็กซี่เล็กน้อยในบางฉากด้วย เรียกว่าแอบเอาใจเด็กโตอยู่เหมือนกัน

 

รีวิว Eden

 

แต่สิ่งที่เด่นชัดแบบสุดๆคือ การเอา “กฎสามข้อของหุ่นยนต์” มาเป็นตัวเปิดเรื่อง ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่โด่งดังที่ถูกบัญญัติโดย ไอแซค อาสิมอฟ จากในซีรีส์นิยายไซไฟของเขา ไม่ว่าจะเป็น สถาบันสถาปนา ชุดหุ่นยนต์ และเรื่องสั้นต่างๆ (แล้วหนึ่งในนั้นถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ I Robot ที่เคยได้ วิล สมิธ นำแสดง) ซึ่งกฎสามข้อของหุ่นยนต์ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่โด่งดัง ได้รับการยอมรับ และถูกนำมาใช้ในอนิเมชั่นไซไฟหลายเรื่องมาก โดยเรื่องนี้จะเป็นการเอากฎสามข้อนี้มาวิพากษ์และใช้เป็นหัวใจหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้

1.หุ่นยนต์ต้องไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์ และไม่ยอมให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตราย

2.หุ่นยนต์ต้องไม่เพิกเฉยต่อคำสั่งของมนุษย์ เว้นแต่จะเป็นการขัดแย้งกับกฎข้อแรก

3.หุ่นยนต์ต้องปกป้องสถานะความมีตัวตนของตนเองไว้ ตราบที่ไม่ขัดแย้งกับกฎข้อแรกและกฎข้อสอง

 

สำหรับกฎทั้งสามข้อของหุ่นยนต์ที่โด่งดังนี้ในเรื่องก็มีการนำมาทั้งสามข้อมาดัดแปลงบางจุดใหม่ให้เป็นหลักจริยธรรมของหุ่นยนต์ นั่นคือ

1.ผู้พัฒนาต้องสร้างหุ่นยนต์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ และไม่พัฒนาระบบที่เป็นภัย

2.ผู้พัฒนาต้องป้อนคำสั่งให้หุ่นยนต์สามารถซ่อมแซมตนเองและช่วยเหลือกันได้เพื่อความปลอดภัย

3.หากหุ่นยนต์ตนใดไม่มีคุณสมบัติในสองข้อแรก จะต้องระงับการใช้งาน

เนื้อเรื่อง รีวิว Eden

อนิเมชั่นยังมีการ วิพากษ์และจิกกัดสังคมโลก ไปจนถึงล้อเลียนความเชื่อในไบเบิลบางจุด ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้แอปเปิล ในสวนอีเดน หรือการตั้งชื่อเอไอของฝั่งหุ่นยนต์กองกำลังที่คิดว่ามนุษย์เป็นภัยที่ต้องกำจัด โดยใช้ชื่อว่า เจนีวา (ชื่อเมืองสำคัญใน สวิสเซอร์แลนด์ และเป็นชื่อของสนธิสัญญาที่ว่าด้วยหลักมนุษยธรรม) ในขณะที่เอไอของฝั่งที่ปกป้องมนุษย์ใช้ชื่อว่า ซูริค (เมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงในสวิสเซอร์แลนด์) แล้วอีกจุดหนึ่งที่ทำได้ดีและดีมากอย่างคาดไม่ถึง คือการเล่นกับ

 

ความสัมพันธ์ พ่อแม่–ลูก ระหว่างหุ่นยนต์ทั้งสองตัวกับซาร่า ซึ่งปมนี้เรื่องทำได้ดีมาตลอดตั้งแต่เปิดฉากในตอนแรก และทำได้พีคมากในตอนที่ 3 บางคนอาจถึงขั้นเสียน้ำตากันได้เลย (แม้ฉากนี้จะแอบตลกนิดหน่อยที่ตัวร้ายปล่อยให้นางเอกมีฉากดราม่ากับพ่อแม่ ไม่ได้รีบเอาตัวไป)

 

 

ส่วนข้อด้อยของเรื่องก็มีไม่น้อย ส่วนหนึ่งอาจเพราะความที่เนื้อหามีแค่ 4 ตอน ทำให้การเล่าเรื่องหลายอย่างถูกจำกัดเวลา และต้องรีบเดินเรื่องมากเกินไปโดยเฉพาะในตอนที่ 4 ซึ่งในตอนนี้จะมีความฉีกออกมาจาก 3 ตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด คือในตอน สุดท้ายนี้เรื่องใช้การคลี่คลายในแบบ อนิเมะญี่ปุ่นโชเน็น อาจเพราะตัวผู้กำกับได้รับอิทธิพลจากงานอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่องที่เขาไปมีส่วนร่วมก็ได้ เลยทำให้การต่อสู้กับบอสใหญ่ของเรื่องคือ ซีโร่ กลายเป็นแนว ขับหุ่นยนต์สู้ เหมือนกำลังดู กันดั้ม + โดรา

 

เอมอนตอนพิเศษ ไปเลย ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกว่าความจริงจังของเนื้อหาในสามตอนแรกมันเบาบางลงไปเยอะ ไม่ได้กดดันหรือออกแนวไซไฟทริลเลอร์แบบสามตอนแรก แต่กลายเป็นการ์ตูนเด็กเล็กแทน แม้จะไม่ใช่ว่าไม่ดี เพียงแต่น่าจะทำได้ดีกว่านี้หลังจากสามตอนแรกมีความเป็นไซไฟทริลเลอร์อยู่ตลอด

 

 

แล้วอีกจุดที่น่าเสียดายคือ ตัวเรื่องไม่ได้เน้นความสามารถในการเรียนรู้ของนางเอกมากนัก ทั้งที่เป็นคีย์สำคัญอย่างหนึ่งของเรื่อง จากการที่เธออ่านหนังสือเท่านั้นก็สามารถเรียนรู้เรื่องการใช้เครื่องจักรกลที่ซับซ้อนถึงขั้นสร้างเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาได้ ตรงนี้น่าจะมีการขยายความเพิ่มอีกสักหน่อย ถึงแม้จะทำให้คนดูเข้าใจได้ทันทีว่านางเอกเป็นพวกเด็กอัจฉริยะที่มีความสามารถสูงก็ตามที

 

ส่วนบทสรุปในตอนจบ เรื่องก็มีการทิ้งเชื้อไว้สำหรับทำซีซันต่อหรือจะขยายจักรวาลก็ได้ ซึ่งก็เป็นฉากจบแบบ Feel Good ให้ความหวังต่อมนุษย์ ว่าจะทำในสิ่งต่างๆเพื่อโลกได้ดีขึ้นก็ได้ ถ้าหากว่ามนุษย์เราได้รับโอกาสที่สอง แบบที่นางเอกก็มีความหวังซึ่งก็เหมือนกับอนิเมะแนวดิสโทเปียโลกอนาคตหลายเรื่องที่เคยสร้างกันมา แม้จะเป็นการจบที่เฝือไปบ้าง แต่ก็อาจจะเข้ากับสถานการณ์ของโลกก็เป็นได้ โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะ โลกร้อน ไปจนถึงโรคระบาด นี่จึงเป็นอนิ

 

 

เมะชั่นที่มีความญี่ปุ่น+อเมริกัน แนะนำว่าเด็กและผู้ใหญ่ควรนั่งดูด้วยกันครับ เพราะให้ข้อคิดที่ดีมาก แถมเน้นเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัวด้วย ทีมงานใช้ลายเส้นได้ดี ออกแบบลักษณะของตัวละครออกมาได้ดี สมจริง มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน อย่างหุ่นยนต์ในเรื่อง มีความเป็นวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สื่อสารกันด้วยภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจ ส่วนมนุษย์อย่างซาราก็ถูกออกแบบมาได้สมกับเป็น

รีวิว Eden

มนุษย์ ก็คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการพลังงาน ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เมื่อตอนเป็นเด็กเล็กมาก ๆ มีอารมณ์ซับซ้อน และมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด นอกจากนี้ โดยส่วนตัว ผู้เขียนยังชอบพัฒนาการของตัวละครในเรื่องมาก เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสมจริง ตอนแรก ๆ หุ่นยนต์จะสื่อสารด้วยภาษาที่พวกมันเข้าใจกันเอง แต่เมื่อเจอมนุษย์และอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ เข้า หุ่นยนต์ก็เริ่มรับรู้ภาษาของมนุษย์มากขึ้น สามารถเริ่มพูดเป็นคำ วลี หรือประโยคสั้น ๆ ที่แข็งทื่อจนถึงภาษาที่ใกล้เคียงกับ

 

ภาษามนุษย์มากยิ่งขึ้นและมีความรู้สึกแบบที่มนุษย์มีขึ้นมาบ้าง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีพัฒนาการด้านภาษาและความรู้สึก แต่ความเป็นหุ่นยนต์ก็ยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ยังคงมีการคิดคำนวณทุกอย่างอย่างเป็นระบบ เป็นตัวเลขที่ชัดเจนอยู่ ส่วนตัวร้ายอย่างซีโรก็ถูกออกแบบมาได้อย่างมีมิติ มีภูมิหลังที่น่าสนใจมาก ถ้ารับชมจนถึงตอนเฉลยน่าจะเกิดความอึ้งบ้างไม่มากก็น้อย

 

 

ถึงแม้ว่าภาพอนิเมะจะสวย น่ารัก ดูอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วมีประเด็นที่น่าสนใจและค่อนข้างหนักกว่าที่คิดไว้ โดยตัวเรื่องได้สะท้อนให้เห็นภาพของโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่มาก่อน การกระทำของมนุษย์หลายอย่างก่อให้เกิดความเสียหายและมลภาวะต่าง ๆ จนส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน รวมถึงส่งผลกระทบถึงตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องจนถึงแก่ชีวิตด้วย อีกทั้งตัวเรื่องยังสะท้อนแนวความคิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของมนุษย์ที่ขัดแย้งกันผ่าน 2 ตัวละครอย่างซาราและซีโร โดยซาราอยากจะช่วยเหลือ

 

มนุษย์ อยากให้โลกนี้มีมนุษย์ต่อไป เพราะตัวเองเป็นมนุษย์และมนุษย์เองก็ไม่ได้ชั่วร้าย ในขณะที่ซีโรมองว่ามนุษย์คือภัยต่อโลกใบนี้ เพราะมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะ รวมถึงความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ด้วยความขัดแย้งนี้มัน จึงกลายเป็นจุดปะทะที่ทำให้คนดูได้ลองตั้งคำถามและคิดวิเคราะห์หาคำตอบว่า แท้จริงแล้ว โลกนี้ควรมีมนุษย์ไหม แล้วถ้ามนุษย์ยังคงอยู่ต่อไปบนโลกนี้ จะทำอย่างไรไม่ให้มนุษย์ทำอะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโลกใบนี้อีก นอกจากนี้

 

 

ตัวอนิเมะยังสื่อเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี จากในเรื่อง ถึงแม้ว่า A37 และ E92 จะเป็นหุ่นยนต์ แต่เมื่อได้เลี้ยงซาราแล้ว ทั้งคู่มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีความเป็นห่วง มีความสุข อีกทั้งยังแสดงออกถึงการพยายามเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความรักของ A37 และ E92 ที่มีต่อซารานั้นจึงแทบไม่ต่างจากความรักของพ่อแม่ที่มีให้กับลูกเลย รีวิว อนิเมะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *