รีวิว Komi Can’t Communicate

อนิเมชั่นอบอุ่นหัวใจที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มีความน่ารัก ความสัมพันธ์ของตัวละครที่แทบจะไร้พิษภัย ตัวละครที่คาร์แร็คเตอร์ชัดเจน งานภาพ ดนตรี และเสียงพากย์ที่ยอดเยี่ยม มุกตลกโบ๊ะบ๊ะ และประเด็นที่เยียวยาหัวใจคนขี้อายที่อยากมีคนคอยเป็นเพื่อน แม้ว่าจะมีบางประเด็น บางตัวละครที่ทำลายความดีงามของเรื่องราว รวมไปถึงบางตอนที่เรียบเกินไปบ้าง ก็เป็นงานอนิเมชั่นที่ดีเกินคาด ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูการ์ตูน

 

Komi Can’t Communicate (โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง) อนิเมชั่นแนวสไลซ์ออฟไลฟ์โรแมนติกดราม่า สร้างโดยเน็ตฟลิกซ์และโอแอลเอ็ม สตูดิโอ สตูดิโอผู้สร้าง Pokemon และ Berserk ฉบับอนิเมะ รวมไปถึง นักเตะแข้งสายฟ้า รับหน้าที่ดัดแปลงอนิเมะจากการ์ตูนชื่อเดียวกันที่ขายดีของญี่ปุ่น ที่ได้รับการขนานนามจากคะแนนเสียงแฟน ๆ และเว็บไซต์อนิเมะญี่ปุ่นในปี 2020 ว่า “เป็นเรื่องที่คนเฝ้ารอให้ได้ทำเป็นอนิเมชั่นมากที่สุด” รวมไปถึงกระแสที่ไปในแง่ดีแทบจะทั่วโลกด้วย

 

รีวิว Komi Can't Communicate

 

คะแนนวิจารณ์ที่พุ่งสูงแทบจะทุกช่องทาง รวมไปถึงคะแนนโหวตสูงสุดจากเน็ตฟลิกซ์เอง ทำให้มันเป็นอนิเมชั่นที่น่าจับตามองทั้งในไทยและต่างประเทศในขณะนี้ ในประเทศไทยได้รับลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนโดยสำนักพิมพ์รักพิมพ์ที่ขายดีมาก และการได้รับสร้างเป็นฉบับละครโทรทัศน์ที่มีผู้ชมติดตามมากมาย รวมไปถึงคาร์แร็คเตอร์ของตัวละครที่เรียบง่ายและเล่นกับเรื่องราวอย่างชาญฉลาด ของชายหนุ่มธรรมดา

 

ที่ได้สานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่งามราวกับเทพธิดาในการฝึกสื่อสารกับผู้คน หลังทั้งคู่ได้รับรู้ตัวตนของกันและกัน นำไปสู่ความวายป่วงเมื่อผองเพื่อนในโรงเรียนสุดโต่งรู้เข้า โดยมีทั้งหมด 12 ตอน ตอนละไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เน็ตฟลิกซ์ไทยจะฉายตอนละหนึ่งสัปดาห์ ทุกวันพฤหัสบดี สี่ทุ่มครับ

 

รีวิว Komi Can't Communicate

 

สำหรับชีวิตมัธยมปลาย ทาดาโนะ ฮิโตะฮิโตะ ชายหนุ่มที่ธรรมด๊าธรรมดาแทบจะหมดหัวจรดเท้า คงหวังได้แค่ไม่เป็นจุดสนใจ ไม่โดดเด่นจากใคร ๆ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งราวกับถูกกำหนดไว้จากฟากฟ้า ในโรงเรียนมัธยมอิตันในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่ ทว่ากลับมีหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางงดงามราวกับร่วงหล่นมาจากสวรรค์ได้มาถึงโรงเรียนและได้ทำให้ทุกสายตาต้องสะกด

 

จนทำให้ทาดาโนะคิดว่าเธอคงเป็นผู้หญิงคูล ๆ คนหนึ่งที่มีกำแพงสูงและไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวาย กระทั่งวันแรกของการเรียนทาดาโนะได้ค้นพบความลับหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของพวกเขา นั่นคือ โคมิ โชโกะ นักเรียนเทพเจ้าคนนี้ เธอเป็นโรคพูดไม่ค่อยเก่ง ทำให้เธอไม่สามารถโต้ตอบได้เหมือนคนทั่วไปและเธอก็ไม่ได้มีกำแพงอะไรทั้งนั้น เธอแค่อยากมีเพื่อนให้ได้ 100 คน

 

รีวิว Komi Can't Communicate

 

ก่อนเรียนจบ ความใจดีและใสซื่อของทาดาโนะทำให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ ความสัมพันธ์และความพยายามของทั่งคู่จึงเริ่มต้น แต่ปัญหาสำคัญที่พวกเขาลืมไปคือ โรงเรียนแห่งนี้มีแต่คนสุดโต่งและไม่ธรรมดา ชายหญิงที่ฟ้ากำหนดให้เป็นเพื่อนกันนั้นจะสามารถทำภารกิจพลิกสาวพูดไม่เก่งให้มีสังคมได้มั้ยล่ะเนี่ย!?

เนื้อเรื่อง รีวิว Komi Can’t Communicate

เรื่องราวมันฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นอนิเมชั่นรักโรแมนติกตลกพื้น ๆ แบบเรื่องอื่น ๆ อวยเกินไปมั้ง แต่ทว่าเมื่อได้ดูจริง ๆ ความพิเศษที่ทำให้มันดี คือการที่ตัวละครนั้นพากันฉีกขนบธรรมเนียมอนิเมะเรื่องอื่น ตั้งแต่ชื่อของตัวละครที่เป็นการนิยามสิ่งที่ตัวละครนั้นเป็นอย่างชาญฉลาด เรื่องราวง่าย ๆ สบาย ๆ แต่อบอุ่นหัวใจของวัยเรียนที่สอดแทรกความสำคัญของการสื่อสารผ่านตัวละครที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบและความสัมพันธ์ที่แทบไม่มีพิษภัยใด ๆ เลย นอกจากมองดูเหล่าตัวละครเหล่านี้หาทางตามหา

 

เพื่อน ใช้ชีวิตแบบวัยมัธยม มีชีวิตในรั้วโรงเรียนกับผู้คน ออกไปเที่ยว ใช้ชีวิตประจำวัน ไปงานเทศกาล หรือแม้แต่การออกกิจกรรมโรงเรียน ผสมกับเสน่ห์ของตัวละครต่าง ๆ ที่นำพามุกสุดโต่ง และจังหวะเรื่องที่โบ๊ะบ๊ะผ่านผู้บรรยายที่คอยตบกับตัวละคร ล้อเลียนวัฒนธรรมป๊อบแบบญี่ปุ่นโดยไม่รู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดให้ฮาจนไม่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งเรื่องมันก็ยังสามารถเดินเรื่องไปข้างหน้าได้ โดยไม่ต้องพยายามใส่ปมหนัก ๆ เข้ามาว่าตัวละครจะต้องรักกัน แต่ใช้ปมเล็ก ๆ มาทำให้มันมีราย

 

 

ละเอียดและสอดคล้อง บางตอนทำให้เราน้ำตาไหล บางตอนทำให้เราอบอุ่นหัวใจไปกับความสัมพันธ์ของ ตัวละครชายหญิงที่ตอนนี้คงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  แต่หลังจากนั้นคงเป็นเรื่องของอนาคต ทว่าฟังดูเหมือนจะเป็นอนิเมชั่นที่ดี แต่ถ้าใครคาดหวังความพีค แปลกใหม่ เกินคาดก็คงไม่ใช่ระดับนั้น ซ้ำบางตอนยังต้องขอติดคำเตือนเลยว่า มันไม่ได้เหมาะกับทุก

 

เพศทุกวัยอย่างตั้งใจในพฤติกรรมของตัวละครที่สุดโต่งเหล่านี้ที่ทำให้มันยังมีปัญหาในด้านการนำเสนอให้ออกมาอย่างสบายใจ จนพูดไม่ได้เต็มปากว่ามันเพอร์เฟค แต่ถ้านอกจากนั้น มันก็เป็นอนิเมชั่นน้ำดี ๆ ตั้งแต่ตอนแรกจนตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยากกลับไปดูซ้ำ ๆ ทุกครั้งไป

 

 

ตัวละครของเรื่องนี้จะใช้ชื่อแทนการนิยามตัวละครนั้น ไม่ว่าจะเป็น ทาดาโนะ ฮิโตะฮิโตะ ก็คือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง หน้าตาไม่หล่อ โดนมองข้ามจากคนมากมาย แต่เขามีจิตใจที่ดี เป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ไม่บังคับใจ ตรงไปตรงมา โดนใครทำร้ายยังไงก็ไม่ เคยนึกโกรธหรือผูกใจเจ็บ พ่วงมาด้วยความสามารถของเขาในการอ่านบรรยากาศคนที่ทำให้ โคมิ โชโกะ หรือ หญิงที่สื่อสารไม่เก่งได้เปิดใจและกลายเป็นเพื่อนกับเขา

 

ทั้งยังกังวลว่าจะมีคนไม่ชอบ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอนั้นเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ทุกคนพร้อมปล่อยผ่านและเทิดทูนบูชาราวกับสมมติเทพจากฟ้าเลยทีเดียว จนลืมมองว่าเธอก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น มีแค่ชายธรรมดาที่มีความเห็นอกเห็นใจอย่างทาดาโนะมาเป็นคนคอยช่วย ทำให้เธอเป็นตัวละครที่เราจะได้ยินเสียงน้อยทีสุดสมกับ

 

 

บทบาท แต่ทุกครั้งที่เธอพูดมันจะมีอิมแพ็คสำคัญเสมอ ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับทาดาโนะเป็นอะไรที่ทุกคนพร้อมจะเอาใจช่วยเพราะมันช่างน่ารักชวนเขินเหลือเกิน ไหนจะมี โอซามิ นาจิมิ เพื่อนสมัยเด็กสุดป๊อบและบ้าพลังที่มีเพศสภาพค่อนข้างคลุมเครือว่าจะเป็นชายเป็นหญิง คอยมาขโมยซีนเล่นใหญ่ ชงให้ตัวละครหลักสองคนนี้ได้ใกล้ชิดกันเสมอ

รีวิว Komi Can’t Communicate

แล้วก็ยังมีตัวละครที่โผล่มาบ้างประปรายที่มีคาร์แร็คเตอร์แตกต่าง มาโชว์ความเป็นตัวเองมาคอยขโมยซีน และสร้างเรื่องสร้างราวสมกับเป็นผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง แต่ที่เป็นข้อด้อยและทำลายเรื่องราวที่สุดจนผมไม่ชอบเลยคือตัวละครยันเดเระคนหนึ่งในเรื่องที่น่ารังเกียจและทำอาชญากรรมกับตัวละครหลักไว้หลาย

 

รอบ จนไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไงให้มันเป็นขนาดนี้ ทำเอาทุกครั้งที่มีเธอ เรื่องราวมันจะน่าอึดอัดและทำให้เรื่องราวที่กำลังเดินไปได้ด้วยดี ต้องชะงักทุกที แถมยังสะท้อนแนวคิดที่ว่าถ้าผู้หญิงคุกคามคนอื่นมันจะเป็นเรื่องตลกที่ทำให้เกิดปัญหาความอคติทางเพศระหว่างชายหญิงที่มักมองว่าผู้หญิงคุกคามมันดูมองเป็นเรื่องขำ ๆ แต่เชื่อเถอะ ถ้าคุณได้ดูคุณจะรู้

 

ประเด็นของเรื่องคือ คนเรานั้นมองผ่านสายตาผิวเผินไม่ได้หรอก บางคนเราอาจจะมองว่าหยิ่งเข้าถึงยาก แต่พอเราเข้าไปคุย เขาก็อาจจะไม่กล้า เราต้องทำให้เขาสบายใจ แล้วเขาจะเปิดใจให้เรา มันเอาโรคง่าย ๆ ของสังคมญี่ปุ่นที่มักใช้กับตัวละครรอง ๆ มาลงกับตัวละครหลักอย่างน่าสนใจ ว่าโรคพูดไม่เก่งไม่ใช่คนเป็นเขาไม่อยาก แต่เขาอาจจะทำไม่ได้แม้พยายาม เราต้องช่วยเหลือไม่บังคับเขาเขา เหมือนกับคำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจซึ่งจะทำให้เรานั้นได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมอย่าง

 

 

สนุกสนานและเต็มไปด้วยมิตรภาพที่แสนงดงาม การคุกคามใคร ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น แม้อนิเมะจะนำเสนอออกมาแบบขำ ๆ แต่ส่วนตัวไม่ขำเอาซะเลย ไหนจะการที่ตัวละครเอกมักจะถูกมองข้ามราวกับไม่มีตัวตนอย่างน่าสงสาร จนคิดว่าถ้าไม่ใช่ตัวละครนี้ ตัวละครอาจจะเป็นซึมเศร้าเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ถึงจะไม่ชอบอะไรใคร แม้จะไม่รู้จัก

 

เราก็อย่ามองข้าม ช่วยได้ก็คือช่วย อย่าปล่อยให้ใครต้องอยู่โดดเดี่ยวลำพัง หรือมันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะทำอะไร จะเลือกใครเป็นเพื่อน ถ้าคบแล้วมันพากันดีก็ดี แต่ถ้าคบแล้วไม่ดีก็ต้องรับผลไปนะ ความดีงามไม่ได้มาแค่ประเด็นที่ดี และตัวละคร เรื่องราวสุดอบอุ่นหัวใจเท่านั้น นักพากย์ที่ให้เสียงตัวละครก็ทำได้ดี โดยเฉพาะตัวละครโคมิที่แทบไม่พูดไม่จา แต่ต้องใช้เสียงจากลำคอหรือพูดออกมาคำหนึ่งได้ไม่รู้เรื่องเหมือนที่ตัวละครในเรื่องเข้าใจ

 

แถมบางคนก็จัดเต็มเล่นใหญ่ตะโกนโหวกเหวกรักษาโทนเรื่องได้อยู่เสมอ แต่ที่ไม่คิดเลยคืองานภาพที่ทำออกมาได้สวยงามในทุกตัวละคร และฉากที่มีรายละเอียด ตัดต่อไหลลื่น เกินความเป็นอนิเมชั่นแนวตลก ด้านดนตรีก็ยอดเยี่ยมมาก แค่ดนตรีใน ฉากสำคัญตอนแรกมันก็ยอดเยี่ยมและทรงพลังแล้ว ไหนจะดนตรีตอนตลก ตบมุกก็ทำให้เราขำกระจายทุกที แถมเพลงประกอบทั้งเปิดและปิดก็ช่วยให้เราสนุกสนานและสัมผัสถึงสมัยมัธยมด้วยงานประกอบภาพสุดมีสไตล์และมีนัยยะ

 

สำคัญของเรื่องอยู่ จึงไม่แปลกเลยที่มันจะคว้าใจคนดูอนิเมะและคนดูทั่วโลก Komi Can’t Communicate คงเหมือนตัวละครในเรื่องที่ไม่ได้เพอร์เฟคไปทุกตารางนิ้ว แต่มันมีหัวใจอันมุ่งมั่นและความดีของมันที่กุมหัวใจคนดู แม้ว่ามันจะยังมีปัญหาที่เรื่องราวอาจจะไม่ได้น่าสนใจในแง่ของความสดใหม่ หรือตัวละครบางตัวที่

 

 

ค่อนข้างนำเสนอออกมาแย่ แต่ก็เป็นอนิเมชั่นอบอุ่นหัวใจสุดตลกโปกฮาที่เหมาะสำหรับเยียวยาคนที่กำลังมีปัญหาให้มองหาความช่วยเหลือและใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง ด้วยงานอนิเมชั่นและดนตรีที่เนี๊ยบและงดงาม การเดินเรื่องสบาย ๆ ที่มาพร้อมมุกตลก ทำให้มันกุมใจผมพอสมควรและอยากจะเห็นมันไปได้ไกลมากกว่านี้ในซีซั่นถัดไป แต่ตอนนี้มันก็เกินคาดแล้วสำหรับบผม แม้ว่าจะยังติดใจในเรื่องตัวละครหลักตัวหนึ่ง และมันควรจะมีพากย์ไทยด้วย หรือนักพากย์ไทยยังหาคนพากย์คุณโคมิไม่ได้

 

หรือยังไงก็ไม่รู้ หวังว่าหลังครบ 12 ตอน จะกลับมาพากย์นะ ผมกล้าการันตีเต็มปากว่า ห้ามมองข้ามอนิเมชั่นสั้น ๆ มุกโบ๊ะบ๊ะ ไม่ค่อยมีอะไรฉูดฉาดเรื่องนี้เด็ดขาด มันจะต้องทำให้คุณหลงรักเหมือนที่ตัวละครในเรื่องต่างหลงรักคุณโคมิแน่ ๆซึ่งอันที่จริงอาการบกพร่องทางการสื่อสารหรือ Communication disorder นั้นก็เป็นอาการที่มีอยู่จริงๆ นะครับ แม้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องขบขันเหมือนในอนิเมเรื่องนี้ แต่คุณโคมิก็เป็นตัวละครที่ทำให้เราตระหนักถึงอาการดังกล่าว ซึ่งตัวอนิเม

 

ถ่ายทอดมุมมองเรื่องนี้ออกมาได้อย่างน่าสนใจ แม้อาจจะดูตลกและเหนือจริงไปบ้าง แต่เวลาที่คุณโคมิค่อยๆ เอาชนะข้อบกพร่องของตัวเองได้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีไปด้วย ตอนนี้ก็แอบลุ้นแล้วล่ะว่า ซีซัน 2 จะมาตอนไหน แต่ถ้าไม่ทันใจ ก็คงต้องหาต้นฉบับการ์ตูนอ่านล่วงหน้าไปก่อนแล้วล่ะ รีวิว อนิเมะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *