รีวิว Kiki’s Delivery Service

หลังจากเมื่อวานดู Totoro ไป วันนี้ก็ขอต่อกับหนังจิบลิอีกสักเรื่อง โดย Kiki’s Delivery Service นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เล็งๆ ไว้นานแล้ว ด้วยพล็อตแนวแม่มดที่กระตุ้นต่อมวัยเยาว์ของเราเหลือเกิน (ตอนเด็กๆ เราเครซี่แม่มดมาก)Kiki’s Delivery Service เล่าเรื่องของกิกิ (Minami Takayama) เด็กหญิงแม่มดวัย 13 ปี ตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิม เมื่อแม่มดอายุ 13 ปี เธอจะต้องออกจากบ้านไปผจญโลกกว้างเป็นเวลา 1 ปี ทำนองว่าไปเป็นแม่มดฝึกหัด ค้นหาตัวเองด้วยการ

 

ประจำอยู่ในต่างเมือง กิกิตื่นเต้นมาก เธอเลือกคืนเดือนเพ็ญเพื่อออกโบยบินบนไม้กวาด มุ่งหน้าไปยังเมืองติดชายทะเลที่เธอใฝ่ฝัน พร้อมกับจิจิ (Rei Sakuma) แมวดำเพื่อนรักของเธอ แต่แล้วแค่วันแรกๆ เธอก็ถูกตักเตือนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจข้อหาบินไม่ระมัดระวัง ทำให้เกิดความวุ่นวายในเมือง นอกจากนี้แล้วดูเหมือนคนในเมืองก็ไม่ค่อยต้อนรับเธอเท่าไร โชคดีว่าเธอได้ไปช่วยเหลือโอโซโน่ (Keiko Toda) หญิงท้องแก่เจ้าของร้าน เบเกอรี่ เธอหยิบยื่นที่พักให้กิกิแลกกับความช่วย

 

รีวิว Kiki s Delivery Service

 

เหลือในร้านเล็กๆ น้อยๆ ส่วนกิกินั้นก็เกิดไอเดียธุรกิจว่าอยากจะใช้ทักษะการขี่ไม้กวาดให้เป็นประโยชน์ ด้วยการรับส่งของซะเลย ซึ่งภารกิจนี้ได้ทำให้เธอพบเจอกับมิตรภาพใหม่ๆ รวมถึงความผิดหวังบางอย่าง ที่ทำให้เธอเติบโตขึ้น หนังมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เส้นเรื่องดูได้เพลินๆ มีหย่อนจุดพีคเข้ามาบ้างเล็กน้อยพอให้ลุ้นกับวีรกรรมของกิกิ ที่ชอบคือระหว่างทางเราจะรู้สึกผูกพันกับกิกิเรื่อยๆ และลุ้นคอยเอาใจช่วยเหลือเธอตลอด นานๆ ทีจะเจอตัวละครเด็กที่ไม่น่า

 

รำคาญ 555 สำหรับกิกินั้น เป็นเด็กหญิงที่เราว่าน่าเป็นต้นแบบมาก เธอมองโลกในแง่ดี ขยันขันแข็ง มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ อีกทั้งยังจิตใจดีช่วยเหลือคนอย่างไม่อิดออด แอบรู้สึกเลยว่าเธอดูโตกว่าเด็กอายุ 13 มากๆ แต่ถึงอย่างนั้น หนังก็ช่วยให้กิกิได้เติบโตขึ้นอีก ด้วยการหย่อนอุปสรรคและเรื่องราวขัดแย้งต่างๆ เข้ามา ดูการ์ตูนออนไลน์ ดูการ์ตูน

 

รีวิว Kiki s Delivery Service

 

ตั้งแต่ซีนแรกๆ ที่เธอต้องเผชิญกับความจริงว่าเมืองที่น่าอยู่นั้นอาจจะไม่ได้น่าอยู่ 100% เพราะมีคนมากมายหลากหลายประเภท และบางประเภทก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไร ต่อจากนั้น เธอก็ต้องรู้สึกมีปมด้อย ตรงที่ว่าเธอต้องสวมเดรสสีเข้มแบบแม่มดตลอดเวลา ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่เหมือนเด็กคนอื่นๆ แถมยังถูกเด็กๆ รุ่นเดียวกันล้อเลียนอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจไประดับนึง

 

นอกจากนี้ งานบินส่งของที่เธอรู้สึกสนุกกับมัน ก็เริ่มไม่สนุกเท่าไร เมื่อเธอได้ไปส่งพายให้ลูกค้าคนหนึ่ง แต่ลูกค้าคนนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีดีใจ ทั้งๆ ที่กิกิอุตส่าห์บินฝ่าฝนมา เหตุการณ์นี้สะเทือนใจแม้กระทั่งกับเราเองซึ่งเป็นคนดู เพราะเราได้เห็นว่าพายชิ้นนั้นถูกปรุงด้วยความรักจากผู้เป็นยาย แต่หลานซึ่งได้รับพายกลับมองว่าน่ารำคาญ ไม่อยากได้

 

รีวิว Kiki s Delivery Service

 

การที่กิกิได้เจอกับทอมโบ (Kappei Yamaguchi) เด็กชายที่แวบแรกเธอไม่ถูกชะตา ก็ทำให้เธอเริ่มรู้จักกับมิตรภาพกับเพื่อนวัยเดียวกัน เธอเริ่มเปิดใจให้ทอมโบ แต่เมื่อทอมโบไปหาเพื่อนของเขาที่มองเธอเป็นตัวประหลาด กิกิก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นคนนอก ไม่สามารถกลมกลืนไปกับสังคมได้ นอกจากนี้ กิกิยังเจออีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่

เนื้อเรื่อง รีวิว Kiki’s Delivery Service

นั่นคือหลังจากเธอป่วยเป็นไข้ เธอก็สูญเสียพลังแม่มดไป ไม่สามารถขึ้นขี่ไม้กวาดได้ รวมถึงไม่สามารถพูดคุยกับจิจิ แมวของเธอได้ ในจุดนี้หนังไม่ได้เฉลยแบบชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากมุมมองของเรา เราเดา ว่าอาการป่วยก็เป็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนน่าจะเป็นการอุปมาอุปไมยถึงการเสียความมั่นใจในตัวเอง หลังเผชิญเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทำให้กิกิเริ่มหมดกำลังใจจะเป็นแม่มด หมดกำลังใจจะขี่ไม้กวาดส่งของ ความสามารถพิเศษของเธอจึงเสื่อมถอยลงมา

 

ซึ่งเราจะเห็นได้ในฉากท้ายๆ ว่า ความสามารถในการขี่ไม้กวาดของกิกิกลับมาอีกครั้ง เมื่อต้องช่วยเหลือทอมโบให้รอดพ้นจากอันตราย ในวินาทีนั้น เธอมีความเชื่อมั่นว่าจะต้องทำได้ และมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะช่วยเพื่อน พลังจึงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่อีกหนึ่งความสามารถที่ไม่กลับมาคือสกิลการสื่อสารกับจิจิ ซึ่งหนังก็ไม่ได้เฉลยอีกนั่นแหละว่าเพราะอะไร

 

 

จากที่เราไปหาอ่านมา ก็ได้คำตอบมาประมาณว่า จริงๆ การที่กิกิคุยกับจิจิได้ ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์ แต่เป็นเพราะทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูด้วยการมาตั้งแต่เด็ก จิจิจึงเปรียบเสมือนตัวตนอีกด้านของกิกิก็ว่าได้ แต่เมื่อกิกิโตขึ้น เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง เธอจึง ไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับจิจิอีกต่อไป ทั้งกิกิและจิจิต่างมีชีวิตของตัวเอง กิกิก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ส่วนจิจิก็ไปสร้างครอบครัว ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เพียงแต่แค่แยกไปตามทางของตัวเอง

 

ดังนั้น เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว นอกจากเรื่องนี้จะเป็นแนวแฟนตาซี แต่ก็มีความ coming-of-age ด้วยเหมือนกัน เราจะค่อยๆ เห็นกิกิเติบโตขึ้น พบเจอสิ่งต่างๆ ในโลกนี้มากขึ้น มีความสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น นี่จึงเหมือนการตามดูชีวิตของเด็กคนหนึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านวัย โดยรวมแล้ว Kiki’s Delivery Service เป็นหนังที่ดูได้อย่างเพลินๆ ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยิ่งผู้ใหญ่เมื่อได้ดูแล้วก็จะยิ่งเข้าใจประเด็นมุมมองเรื่องการเปลี่ยนผ่านในช่วงวัยเยาว์ ซึ่งเรื่องนี้สามารถผสมมันเข้าไปได้อย่าง

 

 

กลมกล่อมกับพล็อตแม่มดเด็กน้อยเลยละ Kiki’s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ อนิเมะจากสตูดิโอจิบลิ ถ้านับตั้งแต่เวลาเผยแพร่จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 32 ปี ที่แม่มดน้อยกิกิได้สร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้แก่คนทั่วทั้งโลก กล่าวได้ว่าเป็นอนิเมะที่กาลเวลาไม่สามารถฆ่าได้ แม่มด

 

น้อยกิกิเป็นเรื่องราวของแม่มดสาวน้อยที่อายุครบ 13 ปี และตามกฎแล้วเธอต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำงานและค้นหาตัวเองในเมืองซักเมืองเป็นเวลาหนึ่งปี แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังคงสับสนและหนักใจอยู่เพราะสิ่งที่เธอคิดว่าทำได้ดีที่สุดก็คือการขี่ไม้กวาด ทั้ง ๆ ที่เธอขี่ไม้กวาดได้ไม่ค่อยเก่งเอาเสียเลย หากได้ดูเรื่องนี้ในสภาวะที่หมดไฟหรือหมดแรงใจในการใช้ชีวิต อนิเมะเรื่องนี้อาจไม่ได้ให้ไฟของใครกลับอื่นมา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ต้องมาจากข้างในตัวเราเอง กลับกัน

 

 

Kiki’s Delivery Service ทำให้เราย้อนมองตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราพยายามอยู่ทุก วันนี้ไปเพื่ออะไรกัน สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันที่คิดว่าชอบและเป็นสิ่งที่ดี นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ หรือ แล้วถ้าหากเราเจอสิ่งที่เราชอบและสามารถทำได้แต่เรากลับทำมันไม่ได้ดีที่สุดอย่างที่เราหวังล่ะ ความสับสนในวัยที่กำลังเติบโตของกิกิจึงเป็นตัวแทนของ

รีวิว Kiki’s Delivery Service

ความหวังที่ว่าซักวันหนึ่งเราจะสามารถเจอสิ่งที่เราทำได้ดีและเข้ากับการใช้ชีวิตของเราในที่สุด โดยไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีกว่าคนอื่นหรือดีที่สุด แต่ก็ควรเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีและมีคุณค่าในจุดยืนที่เป็นตัวเราก็พอ การดำเนินเรื่องของ Kiki’s Delivery Service เป็นไปอย่างช้า ๆ ในสไตล์ของสตูดิโอจิบลิ ระหว่างที่ดูเราก็สามารถซึมซับเนื้อเรื่อง

 

และโทนของเรื่อง ผ่านบรรยากาศ ความคิดและความรู้สึกของตัวละครโดยไม่ต้องอธิบายเป็นบทพูด ตัวเอกของเรื่อง (กิกิ) ได้ดำเนินชีวิตในเมืองใหญ่ไปเรื่อย ๆ พบเจอเรื่องราวระหว่างทางและระหว่างนั้นเธอก็ต้องค้นหาตัวเองไปด้วย หากลองพิจารณาดี ๆ ประเด็นการค้นพบบางอย่างในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก ความสับสน ความสามารถหรืออะไรก็ตามแต่เป็น

 

สิ่งที่ทำให้คนเราว้าวุ่นใจได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ซึ่งสิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คงเป็นการทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงของเราเองที่เราก็ไม่อาจจะควบคุมมันได้ มีฉากหนึ่งใน old-fashioned ที่กิกิรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองเพราะว่าชุดที่เธอใส่นั้นดู old fashion และไม่น่ารักเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ แต่พอมีคนชมเธอว่ามันเหมาะกับเธอนะ

 

 

มันดูลึกลับและน่ารักดี กิกิจึงรู้สึกชื้นใจขึ้นมาบ้าง ซึ่งหากเปรียบเทียบในชีวิต จริง บางทีที่คนเราพยายามทำอะไรให้เหมือนคนอื่นหรือเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นเหมือนแบบคนอื่นที่เราคิดว่าดี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด อาจจะเพื่อให้สามารถเข้ากับคนอื่นได้และไม่ดูแปลกแยก หรืออยากแค่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนในบางครั้ง

 

อาจจะลืมความเป็นตัวเองไป หากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะในทุกสังคมล้วนมีความแตกต่าง และความแตกต่างนั้นทำให้โลกนี้ไม่น่าเบื่อและมีสิ่งใหม่ให้เรียนรู้เสมอ อีกทั้งคนเรามันจะเหมือนกันทุกคนก็เป็นไปไม่ได้อีก จริงมั้ย ด้วยการเล่าเรื่องที่เนิบช้าและให้ความรู้สึกอบอุ่นทำให้ Kiki’s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ

 

เป็นหนึ่งในอนิเมะที่ดูทีไรก็รู้สึกอิ่มเอมใจและมีความสุขไปกับตัวละคร โดยมีพื้นหลังเป็นบรรยากาศของเมืองใหญ่ที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง Kiki’s Delivery Service ให้ข้อคิดในเรื่องของเป้าหมายและการใช้ชีวิต เราอาจจะไม่ต้องเก่งที่สุดในสิ่งที่เราถนัด เราแค่ทำมันให้ดีที่สุดในจุดยืนของตัวเองก็พอ และหากวันใดที่เรารู้สึกว่าสูญเสียความสามารถของตนเองหรือสูญเสียสิ่งที่ถนัดหรือชอบไป

 

 

ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ นั่นอาจหมายความว่าเราควรต้องหยุดพักหายใจ ปรับโฟกัสของตัวเองให้มองเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตบ้าง ผ่อนคลายตัวเองให้เป็น แล้วค่อยกลับมาทำสิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น ก็ไม่ได้สายอะไร หากพูดในเรื่องของเพลงก็คงไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เพราะเพลงประกอบอนิเมชัน Kiki’s Delivery Service นั้นติดหูจนต้องไปค้นหาต่อเลย

 

ทีเดียวว่าคือเพลงอะไร ส่วนตัวแล้วชอบเพลง message by rouge มากที่สุด เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงการ เดินทางที่เต็มเปี่ยมไปความกล้าหาญและความสดใสผ่านเมโลดี้เปียโนที่ให้ความรู้สึกอารมณ์ดี มีความหวังและคิดบวก พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องท้าทายและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในเวลาเดียวกัน เป็นดนตรีที่ให้พลังงานบวกเยอะมากหลังจากที่ได้ฟัง รีวิว อนิเมะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *