รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ

 

 

 

สำหรับวันนี้ทางเราเอาใจเหล่าแฟนๆ อนิเมชันในตำนานแนวผจญภัยสุดสนุก แอนิเมชันยอดฮิตจากทาง dreamworks dragons  ซึ่งเดินทางมาภึงภาค 3 แล้วจ้าาา ต้องบอกว่าเป็นภาคที่หลายๆ คนรอคอยที่จะดูอนิเมะาร์ตูนเรื่องนี้เลยนะว่าจะเป็นบทสรุปของไตรภาคแล้ว และข่าวออกมาว่าภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว จะไม่มีภาคหลังจากนี้แล้วดังนั้นมันก็ทำให้หลายๆ คนไปดูตั้งแต่วันแรก ทั้งภาคแรก และภาคสอง ก็อาจจะเป็นการ์ตูนอนิเมะผู้ชายในดวงใจของใครหลายๆ คน ส่วนในภาคนี้ทีมงานกับผู้กำกับก็ยังเป็นทีมงานในภาค 2 เหมือนเดิม แน่นอนว่าด้วยเนื้อหาที่น่าติดตามและตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ก็ครองใจเหล่าผู้ชมได้ไม่ยาก…

 

มารู้จักกับอนิเมะต่างโลกน่าดู อภินิหาร ไวกิ้ง พิชิตมังกร 3 full movie

รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ How to Train Your Dragon: The Hidden World อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 netflix เป็นแอนิเมชันภาคต่อชื่อดังที่หลายคนดูแล้วต้องบอกว่าเนื้อเรื่องดีมาก และในที่สุดแอนิเมชันเรื่องนี้ก็เดินทางมาสู่ภาคที่ 3 แล้วกับเรื่องราวของฮิคคัพหัวหน้าหมู่บ้านไวกิ้งเผาเบิร์ค ในภาคนี้ฮิคคัพจะต้องเจอกับศัตรูตัวร้ายที่จะมาตามล่ามังกรของพวกเขา รวมถึงประเด็นเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัยของไวกิ้งกับมังกร

 

รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ

เรื่องย่อ อนิเมะน่าดู ไวกิ้งพิชิตมังกร ภาค3 เต็มเรื่อง

เรื่องราวของตัวแอนิเมชันภาคนี้เปิดเรื่องราวมากับประเด็นความแออัดของเหล่าไวกิ้งกับมังกรที่ดูเหมือนว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะคับแคบเกินไปสำหรับมังกรที่มีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับพวกเขายังต้องพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่อยากจะมาฆ่าเขี้ยวกุด 3ของฮิคคัพอีก ดูจากสถานการณ์แล้วจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮิคคัพตัดสินใจชวนคนในหมู่บ้านย้ายถิ่นที่อยู่ไปยังเมืองลับแลที่ไม่เคยมีใครเคยค้นพบเพื่อที่จะรอดสายตาคนจากโลกภายนอกมังกรจะได้อยู่อย่างปลอดภัย คนในหมู่บ้านทั้งหมดเลยตัดสินใจออกเดินทางไปตามหาเมืองลับแล นี่ก็เป็นโครงเรื่องคร่าวๆ ของแอนิเมชันภาคนี้

 

ตัวแอนิเมชันเรื่องนี้ผมต้องยอมรับเลยว่าการให้อารมณ์ต่างๆ ในเนื้อเรื่องทำมาได้ดีมากและเข้าถึงสุดๆ เปิดเรื่องมาก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดตามฮิคคัพกับประเด็นเรื่องการย้ายถิ่นฐาน การตัดสินใจในครั้งนี้ช่างยากเย็นและลำบากใจมากเพราะเป็นหมู่บ้านที่พ่อเขาฝากฝังไว้ก่อนตายให้ดูแลให้ดี นอกจากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็เปิดประเด็นเรื่องราวความรักของเจ้าเขี้ยวกุดกับมังกรสีขาว อารมณ์ในช่วงนี้ของตัวเรื่องก็ทำมาได้โรแมนติกโป๊ะฮาใช้ได้เลย ตัวแอนิเมชันตีความประเด็นนี้มาได้น่ารักและเข้าถึงความรู้สึกของเขี้ยวกุดอย่างลึกซึ้ง อย่างที่บอกครับเป็นแอนิเมชันที่เข้าถึงอารมณ์จริงๆ

 

ส่วนเรื่องประเด็นการไล่ล่าก็ทำมาได้ดีไม่แพ้กันทั้งฉากต่อสู้บนอากาศหรือแม้แต่บนเรือต่างก็สนุกตื่นตาแทบทุกฉากที่สู้กัน บวกกับปมเนื้อเรื่องของฮิคคัพเมื่อเขาไม่มีมังกรเขาก็หมดความมั่นใจในตัวเอง “อุ๊ป!!! สปอยล์รึเปล่าน๊า” แต่การตีความประเด็นนี้ของเนื้อเรื่องก็ทำมาได้ดีและน่าสนใจ นอกจากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็มีการใส่อารมณ์ดราม่ามาค่อนข้างหนัก สำหรับใครที่รู้ตัวว่าบ่อน้ำตาตื้นแนะนำว่าให้เตรียมทิชชูรอไว้ได้เลยเพราะแอนิเมชันเรื่องทำเอาผมเกือบร้องไห้อยู่เหมือนกัน แต่จะไม่ขอเปิดเผยเนื้อหาส่วนนี้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

การเดินเรื่องของแอนิเมชั่น น่าดูก็ไหลลื่นดูเพลินไม่มีเบื่อ จากภาพรวมของเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็เดินเรื่องได้ดีจนทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับงานภาพที่สดใสสวยงามที่ทำให้ยิ่งดูเพลินเข้าไปอีก เป็นงานภาพที่สวยมากจริงๆ ถ้าใครเคยดูหนังเต็มๆ หรือเห็นจากหนังตัวอย่างก็จะรู้ว่าสวยจริงไร้ที่ติมากๆ ผมคงไม่ต้องบรรยายเยอะต้องลองไปพิสูจน์กันเอาเองเลยไม่ผิดหวังแน่นอน

ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 netflix

รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ

 

 

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความน่ารักของมังกรอย่างเจ้าเขี้ยวกุดได้ลง ตั้งแต่ how to train your dragon ภาค 1 ซึ่งตัวละครนี้เหมือนเป็นลูกผสมระหว่างสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว อย่างละครึ่ง ด้วยการออกแบบให้น่าเอ็นดูเช่นนี้ “มังกร” จึงกลายสภาพไปเป็น “เพื่อนที่รู้ใจ” ของเด็กชายอย่างฮิคคัพ

 

จากเด็กชายผู้สูญเสียขาไปในหนังภาคแรก ทำให้ดูเล็งเห็นว่าการขาดบางอย่างในชีวิตไปไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราจะสูญสิ้นความหมายหรือไร้คุณค่า การที่ฮิคคัพเองค้นพบว่า ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเขาและเจ้าเขี้ยวกุด ที่ปีกของมันพิการและทำให้มันบินแทบไม่ได้ แต่สิ่งประดิษฐ์อย่างปีกจำลองของฮิคคัพ ได้ช่วยให้มันโบยบินได้อย่างอิสระ ทั้งสองจึงเรียนรู้ว่าทั้งคู่กลายเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน

 

สำหรับเนื้อเรื่องภาค the hidden world netflix ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นบทสรุปของไตรภาคความสัมพันธ์ระหว่างมังกรและมนุษย์ ได้โยนบททดสอบความสัมพันธ์ครั้งใหม่ระหว่างฮิคคัพและเจ้าเขี้ยวกุด ในเวลานี้มีนักล่ามังกรที่ต้องการล่ามังกรสายพันธุ์เพลิงนิลให้สูญพันธุ์ แน่นอนว่าเจ้าเขี้ยวกุดอยู่ในสายพันธุ์นี้ และหนังภาคนี้เลือกจะแนะนำตัวละครใหม่อย่างไลท์ ฟิวรี่ มังกรเพศเมียที่ทำให้เจ้าเขี้ยวกุดตกหลุมรัก

 

พัฒนาการของตัวละครในภาคนี้จึงแทบจะให้ความสำคัญกับเจ้าเขี้ยวกุด 3เป็นหลัก ในขณะที่ตัวละครมนุษย์ในภาคนี้กลับดูถูกลดทอนความสำคัญไปไม่น้อย ดังนั้นช่วงเวลาที่เป็นบทสนทนา จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่จัดได้ว่า “น่าเบื่อ” และเหมือนการหยิบเอาบทภาพยนตร์ภาคแรกเอามาปรับปรุงเล่าใหม่

 

ช่วงเวลาที่ชาวไวกิ้งและมังกรหลากพันธุ์อยู่ร่วมกันในเมืองเบิร์คอย่างสงบสุขกำลังจะหมดลง เมื่อ กริมเมล (เอฟ เมอร์เรย์ เอบราฮัม) นักล่ามังกรสุดโหดได้เปิดศึกหวังล้างเผ่าพันธุ์มังกรและชาวเบิร์คให้สิ้นซาก จน ฮิคคัพ (เจย์ บารูเชล) และ แอสทริด (อเมริกา เฟอร์เรรา) สองคู่รักแห่งเบิร์คต้องหาทางปกป้องชีวิตชาวเมืองและเหล่ามังกรโดยมีหมุดหมายสำคัญคือดินแดนลับแลในตำนาน

นับเป็นเวลาถึง 9 ปีแล้วนับจาก how to train your dragon ภาค 1อกฉายในปี 2010 และมีภาคต่อออกฉายใน 4 ปีต่อมา นอกจากประสบความสำเร็จด้านรายได้แล้ว หนังทั้ง 2 ภาคยังผงาดท้าทายดิสนีย์พลัสเข้าชิงออสการ์ 2022สาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยม แถมยังมีซีรีส์หนังภาคแยกออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันมาโดยตลอด ซึ่งแม้จุดขายของหนังจะไม่ต่างจากอนิเมชั่นอื่นๆด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ “เขี้ยวกุด” เจ้ามังกรพันธุ์เพลิงนิลในแบบที่แทบลบภาพจำตัวมังกรทั้งหลาย ด้วยหน้าตาที่แทบถอดแบบแมวแบ๊วๆ สร้างความน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวหรือน่าเกรงขามแบบมังกรเรื่องอื่นๆ แต่สิ่งที่ ดีน เดอบลัวส์ ผู้กำกับที่รับผิดชอบกำกับหนังไตรภาคนี้ให้ความสำคัญกลับเป็นบทและพัฒนาการของตัวละคร ตั้งแต่ภาคแรกที่เราได้เห็น ฮิคคัพ เลือกทางเดินที่ต่างจากสิ่งที่พ่อคาดหวังเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง สู่ภาคสองที่ฮิคคัพต้องเผชิญหน้าศัตรูในสงครามเพื่อความอยู่รอดของชาวเบิร์คและพบบทเรียนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความเสียสละจากพ่อของเขาเอง จนมาถึงในภาค Hidden World นี้เองที่ฮิคคัพ ได้เรียนรู้คุณค่าของความรักและการปล่อยวาง ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดในการเติบโต และด้วยความประณีตในงานบทภาพยนตร์ก็ทำให้หนังชุด How To Train Your Dragon มีเรื่องราวที่แข็งแรงและคนดูสามารถเชื่อมโยงได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความน่ารักของคาแรกเตอร์มังกรอย่าง เขี้ยวกุด มาปิดช่องโหว่ของหนังเหมือนอนิเมชั่นภาคต่อเรื่องอื่นทำกัน

 

รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ

 ความรู้สึกหลังจากดู how to train your dragon the hidden world

รีวิว อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีแนะนำ นอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่ถูกกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คืองานภาพ ซึ่งแม้ How To Train Your Dragon ทั้ง 2 ภาคก่อนหน้าจะมีงานภาพที่สวยงามและน่าจดจำอยู่แล้ว แต่กับ The Hidden World เราก็ยังได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และทำให้เห็นสเกลงานที่ดูยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีภาคต่อของอนิเมชั่นยอดฮิต โดยภาคนี้เราจะได้เห็นการออกแบบเมืองเบิร์คยุดใหม่ที่เป็นบ้านสีสันสดใส เห็นการออกแบบเรือของเหล่านักล่ามังกรที่ดูอึมครึมน่าสะพรึงกลัว ไปจนถึงฉากเมืองลับแลที่ต้องบอกว่าสวยงาม คัลเลอร์ฟูล มากๆ เรียกได้ว่างานภาพนี่น่าประทับใจไม่แพ้หนังคนแสดงทุนสูงๆเลยทีเดียว ซึ่งใครหลงรักซีนโรแมนซ์ระหว่างเจ้าเขี้ยวกุด และ น้องเพลิงนวล จากตัวอย่างหนังขอบอกว่าในหนังถ่ายทอดออกมาได้น่ารักชวนจิกหมอนฝุดๆไปเลย

 

และแน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวละครอนิเมชั่นมีชีวิตและสื่ออารมณ์ได้ชัดเจนที่สุดก็หนีไม่พ้นบรรดานักพากย์ทั้ง เจย์ บารูเชล และ อเมริกา เฟอร์เรราที่ให้เสียงฮิคคัพและแอสทริดได้อย่างมีเสน่ห์เหมาะแก่คาแรกเตอร์ รวมถึงบทสมทบที่ได้นักแสดงมากความสามารถทั้ง เคต แบลงเชต, โจนาห์ ฮิลล์ และ คริสเตน วิก ที่ยังกลับมาสร้างสีสันปิดท้ายไตรภาคกันอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวมองว่าเป็นความชาญฉลาดของดรีมเวิร์คที่เลือก “เสียง” ที่ใช่มากกว่าชื่อเสียงและหน้าตาของนักแสดงเพราะมันทำให้เราดูหนังโดยไม่เอาหน้าของดาราคนนั้นๆมาสวมทับตัวละคร และทีละน้อยเสียงพากย์และภาพคาแรกเตอร์ก็ค่อยๆกลมกลืนและมีชีวิตในความทรงจำคนดู โดยในหนังภาคนี้นอกจากพระเอกนางเองและเหล่ามังกรแล้ว บรรดาตัวละครสมทบยังมีพัฒนาการและบทบาทที่มากขึ้นมากกว่าการสร้างสีสันแบบเดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งก็ถือเป็นคุณงามความดีของบทหนังที่เฉลี่ยบทให้ตัวละครทุกตัวได้มีซีนสร้างความประทับใจคนดูได้เป็นอย่างดี

 

how to train your dragon ทั้งหมดป็นอนิเมชั่นที่ชอบมากอีกเรื่อง ตอนไปดูไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะสนุก5555 แต่กลับสนุกเกินความคาดหมาย มีภาคสองแล้วนะคะแต่ไม่ได้ชอบมากเท่าภาคแรก

 

ไวกิ้งเกิดมาเพื่อฆ่ามังกรและมังกรก็เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูของไวกิ้งแต่ไม่ใช่กับฮิคคัพ ลูกชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่าไวกิ้ง พ่อของฮิคคัพมีนิสัยกล้าหาญ แต่เมื่อมองแบบผิวเผินแล้วฮิคคัพกลับมีนิสัยที่แทบจะตรงกันข้ามเลยทีเดียว ทุก ๆ คนแม้กระทั่งพ่อของเขายังคิดเลยว่าเขาไม่สามารถเป็นไงกิ้งได้ (ขนาดโล่ห์ยังยกไม่ไหวเลย5555)

 

 

 

 

 

วันหนึ่งฮิคคัพมีโอกาสฆ่ามังกรตัวหนึ่งที่เขาทำให้มันบาดเจ็บโดยบังเอิญทำให้ปีกที่เป็นส่วนท้ายใช้การไม่ได้ แต่เขากลับไม่ทำ หลังจากนั้นมิตรภาพระหว่างเขากับมังกรค่อยตัวนั้น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฮิคคัพเรียกมังกรตัวนั้นเขี้ยวกุด (toothless the dragon) เขาได้ช่วยทำให้เขี้ยวกุดบินได้อีกครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อของเขาจะโกรธมากเพราะเขามีความสัมพันธ์เช่นนี้กับมังกรถึงขั้นตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกันเลย (ฉากนี้เศร้ามาก)

 

เราจะได้เห็นว่าที่จริงแล้วอดีตที่ยาวนานที่เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองสายพันธุ์ บางทีสิ่งที่เป็นความเชื่อตั้งแต่อดีตก็ไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่องและฮิคคัพเด็กชายผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นนไม่เอาไหนได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความจริงข้อนี้

 

ชอบคำพูดของฮิคคัพ ตอนที่แอสทริดถามว่าทำไมถึงไม่ฆ่าเขี้ยวกุดในตอนแรก และนี่คือคำตอบของฮิคคัพ “I looked at him and I saw myself” ตอนนั้งฟังแล้วแบบจุกเลยเพราะไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาดหรือไม่มีความกล้ามากพอเป็นคำตอบที่สมกับเป็นฮิคคัพเลย5555 อีกฉากที่ชอบเช่นกันคือภาพสวย ๆ ตอนที่เขี้ยวกุด ฮิคคัพและแอสทริด how to train your dragonอยู่บนท้องฟ้า ก้อนเมฆ ฉากตอนนั้นสวยมากจริง ๆ

 

ตอนท้ายเรื่องของหนังเป็นตอนจบที่ซึ้งมาก นอกจากมิตรภาพระหว่างมังกรแล้วยังแสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกที่แสดงออกแบบไม่ค่อยชัดเจนแนวผู้ชายและถึงแม้ว่าจะจบแบบไม่คาดคิดไปนิดแต่สมเหตุสมผล

 

ความที่เป็นหนัง animation movie สิ่งแรกที่คาดหวังว่าจะได้รับคือ ความน่ารักของเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นหนังอบอุ่นหัวใจเรื่องนึงที่สนุก น่ารัก และซึ้งในระดับหนึ่ง

 

ในเรื่องหลักๆ ก็จะมีไวกิ้ง (มนุษย์) และมังกร ซึ่งไวกิ้งโดยปกติแล้วก็จะแข็งแรง และฝึกฝนตัวเองเพื่อไปฆ่ามังกร เพื่อเป็นการปกป้องอาหารและปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การฆ่ามังกรเหมือนเป็นจุดสูงสุดของชีวิตไวกิ้ง ทุกคนต่างก็พยายามหาวิธีฆ่ามังกรกันทั้งนั้น

 

แต่ฮิคคัพ ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่สมกับเป็นไวกิ้งเอาซะเลย ทุกคนคิดว่าเขาอ่อนแอ ไม่กล้าหาญ และไม่มีแรง ไม่น่าจะทำหน้าที่เหมือนไวกิ้งคนอื่นๆทำได้ ต่างกับพ่อของเขาซึ่งเป็นสุดยอดไวกิ้งโดยสิ้นเชิง

 

ฮิคคัพ ภาค3ได้บังเอิญไปเจอกับมังกรที่บาดเจ็บตัวนึง และดันเป็นมังกรพันธุ์หายากที่ไม่มีไวกิ้งคนใดเคยพบเห็น ซึ่งในตอนนั้นฮิคคัพ ภาค3จะฆ่ามันก็ได้ แต่กลับไม่ได้ฆ่ามัน ปล่อยมันไปซะอย่างงั้น แต่มันก็ดันบินไปไหนไม่ได้เพราะมันบาดเจ็บอยู่ ฮิคคัพก็เลยดูแลและปฐมพยาบาลมันแทน ทั้งสองเลยกลายเป็นเพื่อนกัน และฮิคคัพได้ตั้งชื่อมันว่า toothless the dragon

 

 

สรุปภาพรวมอภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3 ถูกลิขสิทธิ์

จุดเด่นของเรื่อง

แม้เป็นภาค 3 หนังก็ยังมีมุมใหม่ๆมาเล่าตัวละครมีพัฒนาการจากภาคที่ผ่านๆ มานุ้งเขี้ยวกุด และ นุ้งเพลิงนวล คือชวนหวีดมาก ฉากจีบกันคือชวนจิกหมอนฝุดๆ

 

จุดสังเกตในแอนิเมชั่น

พอประกาศเป็นภาคปิดท้าย เลยแอบเศร้าเพราะเรายังรักตัวละครในเรื่องทุกตัวอยู่เลย

 

 

โดยรวมแล้วหลังจากที่ได้ดูอนิเมชั่น น่าดูเรื่องนี้จบ รู้สึกได้อารมณ์การผสมผสานกันที่ลงตัวของตัวแอนิเมชันเรื่องนี้ นอกจากนั้นก็ได้ถึงรสชาติ จากประเด็นดราม่าของเนื้อเรื่องที่จะมีความหวานนิดๆ อมขมหน่อยๆ แต่ให้รสชาติที่อร่อยจนน้ำตาแทบไหล เป็นแอนิเมชันที่ดูได้เพลิดเพลินไม่หนักมากเหมือนอาหารจานหลักแต่ถ้ากินหมดหรือเข้าถึงทุกอย่างที่แอนิเมชันจะสื่อก็อิ่มได้ เป็นแอนิเมชันที่สนุกดูเพลินและอบอุ่นหัวใจมากเลยก็ว่าได้ ใครที่ยังไม่เคยดูต้องลองดูกัน

 

เรื่องราวดำเนินไปแบบน่ารักๆ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮิคคัพและมังกรของเขาที่มีมากขึ้น แต่ช่วงหลังก็จะเจอกับดราม่าต่างๆนานา ที่เกี่ยวกับการเป็นไวกิ้งของเขา และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *