รีวิว Howl’s Moving Castle
รีวิว Howl’s Moving Castle เรื่องย่อ
สำหรับอนิเมะแนวแฟนตาซีเรื่อง Howl’s Moving Castle ( 2004 ) คงเป็นหนึ่งในอนิเมะเรื่องโปรด ตราตรึงในใจผู้ชมไม่น้อย โดย Howl’s Moving Castle (2004) ได้ถูกดัดแปลงมาทำ เป็นอนิเมะโดยสตูดิโอจิบลิ โดยมีต้นฉบับมาจากหนังสือ อนิเมะต่างโลก นวนิยายของ ไดอาน่า วินน์ โจนส์ ( Diana Wynne Jones ) และ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1986 Howl’s Moving Castle ( 2004 ) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของร้านหมวกนามว่า “โซฟี” ที่ต้องคำสาปให้กลายเป็นหญิงชราโดยแม่มดแห่งทุ่งร้างซึ่งเป็นแม่มดที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัว เธอจึงต้องออกจากบ้านเพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่ห่างไกลจากผู้คนที่รู้จัก และ ได้เจอกับเจ้าหุ่นไล่กาหัวผักกาดที่นำทางเธอให้ไปเจอกับปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ผู้มีฉายาว่าเจ้าชู้ ไม่รักจริงและกินหัวใจของหญิงสาวเป็นอาหารรีวิวอนิเมะ
ดูอนิเมะ เรื่องราวในยุคที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ภายใต้ไฟสงครามจากกองทัพ “โซฟี” หญิงสาววัย 18 ปี ซึ่งรับหน้าที่ในการสานต่อกิจการร้านหมวกจากพ่อ ได้รับการช่วยเหลือจากพ่อมดนามว่า “ฮาวล์” ระหว่างทางที่เธอไปหาน้องสาวและถูกทหารลวนลาม จนเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างฮาวล์และแม่มดแห่งทุ่งร้าง
เมื่อคืนหนึ่งแม่มดร้างปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสาปให้โซฟีกลายเป็นหญิงชราวัย 90 ปี ส่งผลให้โซฟีต้องหลบหนีออกจากบ้านของตัวเองและเดินทางเพื่อหาทางแก้คำสาป
ระหว่างนั้นเอง… เธอได้ช่วยเหลือหุ่นไล่กาปริศนาตัวหนึ่ง ซึ่งได้ตอบแทนเธอโดยการนำเธอเข้าไปพักในปราสาทฮาวล์ ซึ่งภายในปราสาทเคลื่อนที่ได้นี้ เธอก็ได้พบกับ “มาร์เคิล” เด็กชายผู้ช่วยของฮาวล์และ “แคลซิเฟอร์” ปีศาจไฟผู้ทำสัญญาบางอย่างกับฮาวล์ และเป็นพลังในการขับเคลื่อนปราสาทแห่งนี้ให้มีชีวิต
แคลซิเฟอร์ยื่นข้อเสนอบางอย่างแก่โซฟี เพื่อบอกวิธีแก้คำสาปให้กับเธอ โดยจะต้องแลกกับการที่เธอจะต้องช่วยปลดปล่อยเขาจากฮาวล์ แต่โซฟีก็รู้ทันและปฏิเสธ อย่างไรก็ตามในที่สุดโซฟีก็เข้ามาอาศัยในปราสาทได้ในฐานะของแม่บ้านประจำปราสาทที่แสนรกแห่งนี้ในที่สุด
แต่แล้ววันหนึ่งคำเชิญจาก “มาดามซัลลิมาน” แม่มดประจำสำนักราชวังและเป็นอาจารย์ของฮาวล์ก็ถูกส่งเข้ามาถึงปราสาท เพื่อให้เขาเข้าร่วมรับใช้ชาติ โดยการใช้พลังอำนาจที่มีสนับสนุนกองทัพ โซฟีจึงต้องรับหน้าที่เป็นแม่ของฮาวล์เพื่อปฏิเสธแทน แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ และนำมาสู่การไล่ล่าที่ทำให้ได้สมาชิกใหม่ในปราสาทเพิ่มมาอีก 2 ชีวิต คือ “แม่มดแห่งทุ่งร้าง” ที่สิ้นฤทธิ์เดช และ “ฮีน” หมาแก่สายลับของมาดามซัลลิมานในพระราชวัง
ฮาวล์กลายร่างเป็นนกเพื่อใช้พลังปกป้องโซฟีและปราสาท ทั้งที่การทำเช่นนั้นจะทำให้เขากลับมาร่างเดิมได้ยากขึ้น ดังนั้น ด้วยความเป็นห่วง… โซฟีจึงตัดสินใจกระทำการบางอย่างลงไป แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ขึ้น อีกทั้งยังอาจทำให้เธอและฮาวล์อาจต้องจากกันตลอดกาล
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เมืองก็ถูกระเบิดของข้าศึกถล่ม สมุนของ ซาลิมานก็บุกไปยังร้านหมวก หลังจากปกป้องร้านหมวกและรักษา แคลซิเฟอร์ฮาวล์แปลงร่างและล่อพวกนั้นออกไป โซฟีจึงตัดสินใจย้ายปราสาทไปที่ทุ่งร้าง โดยเปิดประตูวิเศษออกอีกทางหนึ่งแล้วนำ แคลซิเฟอร์ออกไป ทำให้ปราสาทตัดความเชื่อมโยงกับเมือง เพื่อฮาวล์ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ปกป้องเมืองอีกต่อไป จากนั้นโซฟีจึงเอา แคลซิเฟอร์กลับเข้าไปอีกครั้งเพื่อสร้างปราสาทเคลื่อนที่ขนาดเล็กเพื่อกลับไปช่วยฮาวล์ ในขณะนั้น แม่มดแห่งทุ่งร้างพบหัวใจของฮาวล์ใน แคลซิเฟอร์จึงเก็บมันไว้และถูกเปลวไฟเผาผลาญ โซฟีช่วยโดยการเอาน้ำสาดไป ทำให้ปราสาทพังทลายลง โซฟีและ เฮนพลัดตกลงมาจากปราสาท
โซฟีฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็ร้องไห้ฟูมฟายนึกว่าตนได้ฆ่า แคลซิเฟอร์และฮาวล์ไปแล้ว เพราะชีวิตของทั้งสองผูกโยงกันอยู่ แต่ระหว่างนั้นเองแหวนที่ฮาวล์มอบให้ก็มีแสงเรืองชี้ไปยังประตูที่เหลืออยู่ของปราสาท โซฟีเดินเข้าไปและพบว่าเธอเข้าไปในอดีตของฮาวล์ ซึ่ง แคลซิเฟอร์เป็นดาวตก ถูกฮาวล์เก็บไว้ได้ ทั้งสองเหมือนจะกล่าวพันธสัญญาบางอย่างต่อกัน แล้วฮาวล์ก็ตัดสินใจกลืนกิน แคลซิเฟอร์ลงไป จากนั้นก็คาย แคลซิเฟอร์ซึ่งมีหัวใจของฮาวล์อยู่ในท้องออกมา โซฟีเข้าใจพันธสัญญาและรู้หนทางที่จะช่วยปลดปล่อยทั้งสองแล้ว เธอกลับออกมาสู่โลกปัจจุบันโดยมี Heen ช่วยนำทางกลับมายังประตูวิเศษที่กำลังทลายลง
เมื่อเปิดประตูโซฟีเห็นฮาวล์ในร่างนกยักษ์รอคอยเธออยู่นานแล้ว เธอขอให้ฮาวล์บินพาเธอไปยัง แคลซิเฟอร์เธอพบว่าปราสาทในขณะนี้เหลือเพียงไม้กระดานต่อขามี แม่มดแห่งทุ่งร้างกุมหัวใจของฮาวล์ซึ่งก็คือตัว แคลซิเฟอร์ไว้อยู่ ฮาวล์กลับกลายร่างเป็นมนุษย์และหมดสติไป โซฟีขอร้อง แม่มดแห่งทุ่งร้างให้มองดวงใจฮาวล์แก่เธอ แม่มดแห่งทุ่งร้างเห็นความจริงใจของโซฟีและความดีของเธอที่ดูแลอดีตแม่มดที่กลายเป็นหญิงชราขี้โรคโดยไม่รังเกียจจึงมอบ แคลซิเฟอร์คืนให้แต่โดยดี จากนั้นโซฟีก็ถามความยินยอมของ แคลซิเฟอร์ว่าถ้านำหัวใจคืนแก่ฮาวล์ แคลซิเฟอร์จะเป็นอย่างไร แคลซิเฟอร์บอกว่าขนาดโดนน้ำสาดยังไม่เป็นไรเลย โซฟีจึงกดดวงใจนั้นกลับลงสู่อกของฮาวล์ที่สิ้นสติ เมื่อหัวใจคืนสู่เจ้าของ แคลซิเฟอร์ก็เป็นอิสระและวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม้กระดานนั้นไม่มีผู้ขับเคลื่อน ทลายลงสู่ห้วงเหว หัวผักกาดต้องสละตัวเองเพื่อยับยั้งไม้กระดานนั้นทำให้ทุกคนปลอดภัย โซฟีจูบ หัวผักกาดหุ่นไล่กาที่พังยับเยินดูเหมือนไร้ชีวิตแล้ว ทันใดนั้นเอง หัวผักกาดก็กลายร่างเป็นเจ้าชายจัสตินที่หายสาบสูญ จูบของโซฟีทำให้คำสาปของเจ้าชายเสื่อมลงไป
ถึงในตอนนี้โซฟีเป็นหญิงสาวเหมือนเดิม เว้นแต่ผมสีเงินเท่านั้น ฮาวล์ก็ฟื้นขึ้นมาและรู้สึกถึงความหนักหน่วงของหัวใจตัวเอง ฮาวล์ชอบผมสีราวกับแสงดาวของโซฟี เจ้าชายจัสตินรู้ว่าโซฟีรักฮาวล์จึงจากไปเพื่อยุติสงคราม ซาลิมานซึ่งแอบดูอยู่ผ่าน เฮนก็ประกาศการสิ้นสุดของสงครามเช่นกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงอย่างมีความสุชเมื่อ แคลซิเฟอร์กลับมาขับเคลื่อนปราสาทด้วยความต้องการของตัวเอง มาร์เคิลเล่นกับเฮนอยู่ในสนามหญ้าของปราสาท มี แม่มดแห่งทุ่งร้างเฝ้าดูอยู่ราวกับคุณยายใจดี ส่วนฮาวล์และโซฟีกอดจูบกันอยู่บนระเบียงของปราสาท
รีวิว
ความรู้สึกแรกที่ได้รับหลังจากดู Howl’s Moving Castle ( 2004 ) คือความรู้สึกดี อบอุ่นภายในใจ และรู้สึกแฮปปี้กับความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่อนิเมะที่เน้นเรื่องราวรักโรแมนติกเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ตัวละครแต่ละตัวมีความสับสนและกังวลในจิตใจและไม่สามารถละทิ้งมันไปได้ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ก้าวข้ามความรู้สึกนี้และมีความสุขกับชีวิตในขณะนั้น สำหรับ Howl’s Moving Castle ( 2004 ) เป็นอนิเมะที่ดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของสตูดิโอจิบลิ เราจึงจะได้ซึมซับบรรยากาศของความแฟนตาซีได้อย่างเต็มอิ่ม สิ่งหนึ่งที่ชอบในส่วนของโครงเรื่องคือคาแรคเตอร์ของคุณยายโซฟีเพราะถึงแม้เธอจะโดนสาปแต่เธอก็มีทัศนคติที่เป็นบวกมาก ๆ จนทำให้เธอกล้าที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างและมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
ในเรื่ององค์ประกอบของภาพก็ดีตามมาตรฐานของสตูโอ เพลงที่ใช้ประกอบก็ติดหูและน่าฟังจนสามารถทำให้ผู้ชมต้องกลับไปหาฟังเองหลังดูจบ เช่น เพลง Merry go round ที่เป็น Theme song ของ Howl’s Moving Castle ( 2004 ) โดย Merry go round เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ที่ดูสดใส แต่แฝงไปด้วยประกายของความหม่นหมองในจิตใจ ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ก็รู้สึกว่าเพลงกำลังสื่อถึงเรื่องราวในชีวิตที่ทุกคนได้พบเจอมา บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีปะปนกันไปเพราะชีวิตมีขึ้นมีลงตามจังหวะของมัน สิ่งที่เราทำได้คือการปล่อยใจให้สบายและไหลไปตามท่วงทำนองของชีวิต แม้ว่าจะต้องประสบกับความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นเคราะห์กรรมตามความเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วหากเราเชื่อและมีความหวังว่าเราจะผ่านไปได้ ความหวังและความปรารถนาก็จะประสบผล ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้สื่อถึงการเติบโตในทุกช่วงอายุ และการมีชีวิตอยู่ เหมือนกับม้าหมุน ( Merry-go-round ) ในสนามเด็กเล่นที่เด็ก ๆ ชอบ และ มีความสุขทุกครั้งที่ได้นั่ง เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปและพยายามทำให้ตัวเองสนุกกับชีวิตบ้าง แม้ชีวิตในแต่ละวันจะย่ำแย่แค่ไหน แต่หากเรายังชีวิตอยู่ก็ต้องดิ้นรนและพยายามต่อไป
ตัวละคร
ฮาวล์ ( Howl ) ให้เสียงโดย Takuya Kimura
พ่อมดหนุ่มเจ้เสน่ห์ที่ถูกเข้าใจผิดว่าทำฉีกหัวใจสาวๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเองคือผู้ถูกปฏิเสธ ฮาวล์เป็นพ่อมดที่มีอำนาจพิเศษก่ายกองและสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ แต่ทุกครั้งที่เขาทำเช่นนั้นก็จะยิ่งทำให้ตัวเองกลับสู่ร่างมนุษย์ยากขึ้นด้วย เขาอาศัยอยู่กับมาร์เคิล ภายในปราสาทที่ขับเคลื่อนพลังจากปีศาจไฟแคลซิเฟอร์
โซฟี (Sophie) ให้เสียงโดย Chieko Baishō
หญิงสาวอายุ 18 ปี มีอาชีพทำหมวกขายสานต่อกิจการของพ่อ ก่อนที่จะถูกคำสาปจากแม่มดแห่งทุ่งร้าง จนมีรูปลักษณ์เช่นคนแก่วัย 90 ปี เป็นสาวที่มีความกล้าหาญและถนัดงานบ้านสุดๆ
มาร์เคิล (Markl) ให้เสียงโดย Ryūnosuke Kamiki
เด็กชายผู้ช่วยของฮาวล์ รับหน้าที่พรางตาเป็นชายชราตัวแทนของฮาวล์ ทัง้จากในนามของ “เจนสกิ้น” และ “เพนดราก้อน” ซึ่งก็ต่างเป็นนามแฝงสมมุติของฮาวล์ทั้งสิ้น
ปีศาจไฟแคลซิเฟอร์ (Calcifer) ให้เสียงโดย Tatsuya Gashūin
ปีศาจไฟที่ผูกสัญญาบางอย่างกับฮาวล์ เขาคือพลังขับเคลื่อนของปราสาทฮาวล์
แม่มดแห่งทุ่งร้าง (Witch of the Waste) ให้เสียงโดย Akihiro Miwa
แม่มดผู้ชั่วร้าย ในอดีตเคยเป็นแม่มดที่ดีมาก ก่อนที่จะทำสัญญากับปีศาจจนค่อยๆ ถูกกลืนกินทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังเคยคบหากับฮาวล์ก่อนที่เขาจะตีจาก เพราะกลัวเธอ