รีวิว kung fu panda 3
เรื่องราวในฉบับซีรีส์จะต่อจากภาพยนตร์ Kung Fu Panda 3 (2016) ซึ่งเปิดเรื่องมาเราจะได้เห็น โป (พากย์เสียงโดย Jack Black)
The Dragon Knight (กังฟูแพนด้า อัศวินมังกร) การกลับมาของอาโปในรูปแบบซีรีส์ สนุกดูเพลินพร้อมพากย์ไทย บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า ดูอนิเมะ
การผจญภัยแสนหรรษากลับมาอีกครั้งแล้วค่ะกับอาโปจ้าแพนด้ายอดนักกังฟูขวัญใจแฟนๆ Kung Fu Panda: The Dragon Knight (2022) กังฟูแพนด้า อัศวินมังกร โดยในเรื่องราวใหม่นี้ เจ้าโปต้องออกผจญภัยข้ามโลก ออกจากถิ่นดินแดนมังกร เพื่อตามหาอาวุธวิเศษ 4 อย่าง ก่อนที่จะต้องไปอยู่ในมือของคนร้าย และมีอัศวินจากอังกฤษผู้ห้าวหาญและจริงจังนามว่าวันเดอริ่งเบลด ร่วมเดินทางเป็นคู่หู รีวิวการ์ตูนสนุก
ร่วมติดตาม อาโป อีกครั้งในการผจญภัยครั้งใหม่เพื่อช่วยโลก นักรบที่เคยโด่งดังของจีนต้องไถ่ถอนชื่อเสียงที่หายไปและร่วมทีมกับอัศวินชาวอังกฤษชื่อ Wandering Blade ที่มาจากอังกฤษเพื่อแสวงหา โปช่วยหยุดวีเซิลคู่หนึ่งที่ฉาวโฉ่ “พังพอน” คำสละสลวย อันที่จริงพวกมันคือวายร้ายหลักของเรื่อง จะสนุกแค่ไหนต้องติดตาม อนิเมะผู้ชาย
รีวิว kung fu panda 3 เรื่องย่อ
เรื่องย่อ Kung Fu Panda: The Dragon Knight (กังฟูแพนด้า อัศวินมังกร)
เนื้อเรื่องเล่าถึงวีรกรรมทำเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของพี่โป ในการเดินทางตามล่าหนึ่งในศาสตราวุธอันทรงพลังที่ถูกแก๊งค์วีเซิลขโมยไป โดยมีอัศวินนักดาบพเนจรขั้นเทพจากอังกฤษมาเป็นคู่หูร่วมออกเดินทางไปด้วยกัน นี่จึงเป็นที่มาของการผจญภัยสุดป่วนที่จับเอาจอมยุทธสองสายมาเจอกัน พร้อมฟันฝ่าอุปสรรค ทั้งสายฮา สายป่วนอย่างพี่โป ปะทะสายเท่ สายโปรอย่างคุณเบลดนักดาบ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะรอดหรือไม่รอด พี่โปจะทำให้ภารกิจปั่นป่วนขึ้นตามสไตล์หรือไม่ ต้องบอกว่าห้ามพลาดความฮา ความสนุก ด้วยประการทั้งปวง
ใครชอบดูเรื่องราวแบบจริงจัง สายตาไม่ว่างไปอ่านซับก็ไม่ต้องกังวล เพราะเรื่องนี้มีเสียงไทยให้สนุกและเข้าใจง่ายๆ สร้างความเอนเตอร์เทนให้กันคุณผู้ชมทั้งครอบครัวได้อย่างแน่นอน
กังฟูแพนด้า อัศวินมังกร
โป จอมยุทธ์เจ้าตำนานร่วมมือกับอัศวินมือฉมังจากอังกฤษในปฏิบัติการตะลุยข้ามโลกเพื่อชิงศาสตราวุธทรงพลัง ล้างมลทินให้ตัวเอง และกอบกู้โลกจากหายนะ
เรื่องราวในฉบับซีรีส์จะต่อจากภาพยนตร์ Kung Fu Panda 3 (2016) ซึ่งเปิดเรื่องมาเราจะได้เห็น โป (พากย์เสียงโดย Jack Black) ปรมาจารย์กังฟูที่รู้จักกันในชื่ออาจารย์มังกร เขาเริ่มเบื่อกับการใช้ชีวิตที่ร้านก๋วยเตี๋ยว จึงได้ออกเดินทางเพื่อตะลอนกินทั่วเมืองจีน และที่แรกที่เขาจะไปคือร้านซาลาเปาใน หมู่บ้านแวนคูน ซึ่งเป็นที่เก็บของถุงมือวู่เกา อาวุธในตำนาน และเมื่อไปถึง ปรากฎว่าเขาได้เจอกับวายร้าย 2 พี่น้องที่ได้บุกมาเพื่อแย่งชิงถุงมือ แต่ทหารประจำหมู่บ้านก็สกัดโจนทั้ง 2 ไว้ได้ ทว่าความซุ่มซ่ามของโปได้ทำให้เกิดเรื่องวายป่วงจนทั้งคู่หนีไปได้พร้อมกับถุงมือ ทำให้โปถูกชาวบ้านขับไล่ และถูกปลดออกจากการเป็นอาจารย์มังกร จากนั้นโปก็ได้เจอกับอัศวินอังกฤษที่ออกตามล่าโจรทั้งสอง อัศวินคนนี้มีฉายาว่า ดาบพเนจร (พากย์เสียงโดย Rita Ora) สุดท้ายทั้ง 2 ก็ได้ร่วมมือกันเพื่อตามล่าโจร เพราะโปต้องการถุงมือกลับมาเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขาไว้ ส่วนอัศวินก็ต้องการจับวายร้ายกลับอังกฤษ สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Kung Fu Panda: The Dragon Knight (กังฟูแพนด้า อัศวินมังกร) มีทั้งหมด 11 ตอน พร้อมพากย์ไทย ดูได้ทาง Netflix
กังฟูแพนด้า 3 ความรู้สึก
บอกก่อนเลยว่าเวอร์ชั่นนี้เป็นซีรีส์ ดังนั้นเรื่องงานภาพและ CGI อาจจะไม่ได้ดีงามเท่ากับฉบับภาพยนตร์ แต่ความดูเพลินและย่อยง่ายยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน มาเริ่มรีวิวกันเลย อย่างแรกคือบท บทของเรื่องนี้ส่วนตัวผมว่าไม่ได้ถึงกับดีและก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย อาจจะเพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายอยู่แล้ว แค่อยากดูความน่ารัก และความมึนของอาโป ซึ่งมันก็ตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรเลย บทก็เป็นแนวผจญภัยไปเรื่อยๆ เจอเหตุการณ์ต่างๆ และผู้คนใหม่ๆ ในระหว่างทาง ก็คือมาแนวกังฟูแพนด้าแบบที่เรารู้จักกันดี มีฉากแอ็คชั่นเยอะพอสมควรเลย และบางฉากก็ทำได้ดีด้วย ในส่วนของบทผมมองว่ากำลังดีเลย ไม่มีอะไรจะติมากมาย และชอบมากที่วางบทไว้ให้มันไปต่อได้ในซีซันหน้า รวมถึงการปูไปถึงอาวุธในตำนานต่างๆ ก็น่าติดตามพอสมควรเลย
Kung Fu Panda: The Dragon Knight เมื่อวีเซิลคู่หนึ่งลึกลับตั้งเป้าไปที่คอลเล็กชั่นอาวุธทรงพลังสี่ชนิด โปต้องออกจากบ้านเพื่อออกเดินทางสำรวจโลก การไถ่ถอนและความยุติธรรมที่พบว่าเขาร่วมมือกับอัศวินชาวอังกฤษผู้ไร้เดียงสาชื่อ Wandering Blade นักรบที่ไม่ตรงกันสองคนนี้ร่วมกันออกผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่เพื่อค้นหาอาวุธวิเศษก่อนและกอบกู้โลกจากการถูกทำลาย และพวกเขาอาจได้เรียนรู้ สิ่งหรือสองจากกันและกันตลอด
รีวิว kung fu panda 3 รวมฉาก
ตอนที่ 1. ถุงมือเป็นเหตุ
ชื่อเสียงความนิยมในตัวโปเหือดหาย เมื่อเจ้าพังพอนวายร้ายมาขโมยถุงมือวิเศษทรงพลังไป ส่วนเบลด อัศวินนักดาบพเนจร เสนอตัวที่จะช่วยไล่ตามหัวขโมย
ตอนที่ 2. กฎอัศวิน
โปเต็มใจและพร้อมเป็นศิษย์ของนักดาบพเนจร แต่นิสัยต่างขั้วทำให้ทั้งคู่ไม่เข้าขากัน แต่ท่ากังฟูไม้ตายเหนือชั้นของโปทำให้อัศวินต่างขั้วประทับใจ
ตอนที่ 3. ยุคสัตตบุษย์
เคลาส์กับเวรูก้าโจมตีหมู่บ้านเม่นเพื่อขโมยคัมภีร์ โปจึงต้องเลือกว่าจะช่วยนักโทษ หรือรักษาความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหล่านักพรตอาวุโสมีให้ตัวเองต่อไป
ตอนที่ 4. ตำนานของอาจารย์เขี้ยวยาว
โปกับเบลดมุ่งหน้าไปหานักเขียนคนโปรดของโป เพื่อค้นหาที่ตั้งของอาวุธชิ้นต่อไป ขณะที่กลุ่มนักรบต้องห้ามไล่ตามมาติดๆ
ตอนที่ 5. ประตูสู่ทะเลทราย
บุคคลปริศนาสวมผ้าคลุมยื่นมือเข้าช่วยโป จากนั้นโปกับเบลดต้องหันมาร่วมมือและมองข้ามความต่างระหว่างกัน เมื่อบังเอิญเจอเคลาส์กับเวรูก้าที่ตลาดเครื่องเทศกลางทะเลทราย
ตอนที่ 6. นครที่สาบสูญ
โปกับเบลดตามรอยแผนที่ในหนังสือ และต้องเดินทางฝ่าทะเลทรายแปรปรวนที่อันตราย ฝ่ายกวางหนุ่มลึกลับตกลงรับข้อเสนอของเคลาส์กับเวรูก้า
ตอนที่ 7. ผู้พิทักษ์คนสุดท้าย
สองนักรบได้พบรุกมินี และพยายามโน้มน้าวให้เธอยอมมอบแส้แห่งอนันต์อัคนีให้ ฝ่ายกวางหนุ่มคอลินเริ่มไม่ไว้ใจที่จะร่วมทางไปกับสองพังพอนเหลี่ยมจัด
ตอนที่ 8. เส้นด้ายในความมืด
เมื่อเวทมนตร์ของเวรูก้าใช้ไม่ได้ผล เธอจึงต้องพาพี่ชายที่บาดเจ็บไปหาทางรักษาที่หมู่บ้านลับในป่า ขณะที่โปกับเบลดไล่ตามหลังมาติดๆ
ตอนที่ 9. ล่องเรือสู่อังกฤษ
โปกับเบลดมุ่งหน้าสู่อังกฤษพร้อมกับเคลาส์และเวรูก้า องค์จักรพรรดิได้พบอาปิง พ่อของโปผู้หวงแหนลูกชาย และรุกมินีผู้เหลี่ยมจัด
กังฟูแพนด้า3 สรุปจบ
สุดท้ายด้านงานภาพและงานอนิเมชั่น ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีมากแล้วสำหรับซีรีส์ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของตัวละครจะมีบางฉากที่รู้สึกไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร แบบมันดูกระตุกนิดๆ บางจังหวะ แต่โดยรวมคือรับได้ แต่สิ่งที่ต้องชมเลยคือ การออกแบบตัวละคร เพราะตัวละครในซีรีส์ไม่ได้เหมือนกับฉบับภาพยนตร์ มีแค่อาโปกับพ่ออาโปเท่านั้น ที่มาจากฉบับหนัง ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นตัวละครใหม่หมด และตัวละครแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จดจำได้ง่าย ออกแบบมาดี ส่วนตัวผมชอบตัวละครกวางที่มีเขาเป็นอาวุธมาก เท่ดี รวมถึงตัวร้าย 2 ตัวก็ออกแบบมาดีเช่นกัน งานภาพเสียภาพทำได้ดี โดยรวมคืองานภาพทำได้ดีเกือบเทียบเท่าฉบับหนังเลย ดังนั้นใครที่กลัวจะออกมาไม่ดี ไม่ต้องกลัวครับ ลองเปิดใจดู แต่ไม่ได้บอกว่าทุกคนจะชอบนะ เพราะเนื้อเรื่องมันค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้สนุกและน่าติดตามเท่ากับฉบับหนังที่เราเคยดู แต่ก็พอดูได้สนุกเพลินๆ