รีวิว over the moon สำหรับในวันนี้แอดมินก็อยากนำเสนอ อนิเมะอบอุ่นๆ อนิเมะผู้หญิง เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดจากตำนานของเทพีฉางเอ๋อที่รอคนรักบนดวงจันทร์มา ตำนานวันไหว้พระจันทร์สู่ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นหนังแฟนตาซี ผจญภัย ซึ่ง Netflix ก็ได้หยิบตำนานวันไหว้พระจันทร์ มาบอกเล่าในรูปแบบของอนิเมชันสีสันสดใสมาให้แฟนๆได้รับชมอนิเมะกัน เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการ ดูหนังออนไลน์ มาผ่อนคลายดูการ์ตูนบ้าง
โดยสำหรับการ์ตูนอนิเมชันเรื่องนี้นั้นนอกจากจะมีเรื่องราวที่สนุกน่าติดตามแล้วนั้น จะบอกว่าภาพในการ์ตูนสวยมาก ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับอนิเมะตลอดเรื่องเลยทีเดียว
รีวิว over the moon เนรมิตฝันสู่จันทรา
รีวิว over the moon ข้อมูลทั่วไป
เนรมิตฝันสู่จันทรา (อังกฤษ: Over the Moon) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันขับขันอเมริกันที่ออกฉายใน ค.ศ. 2563 ผลิตโดย เน็ตฟลิกซ์ ภาพยนตร์กำกับโดย เกล็น คีน และแสดงนำโดย เคธี่ อัง, ฟิลิปปา ซู, เคน จอง, จอห์น โช, รูธี แอนน์ ไมล์ส, มาร์กาเร็ต โช และแซนดร้า โอ
เนรมิตฝันสู่จันทรา
กำกับ เกล็น คีน
เขียนบท ออเดรย์ เวลส์
อำนวยการสร้าง เจนนี่ ริม ไพลิน โจว
เรื่องย่อ เนรมิตฝันสู่จันทรา พากย์ไทย
หนังจะเล่าถึง เฟยเฟย เด็กสาวที่สูญเสียแม่และพ่อของเธอกำลังจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่พร้อมการมาถึงของ ชิน หนุ่มน้อยตัวแสบผู้มาพร้อมกบ ด้วยความไม่ถูกชะตากันและในคืนหนึ่งที่โต๊ะอาหารของครอบครัวเธอได้มีปากเสียงกับญาติที่มาท้าทายให้เธอพิสูจน์ว่าเทพีฉางเอ๋อมีตัวตนอยู่จริงทำให้ เฟยเฟย ตัดสินใจสร้างจรวดเพื่อพาเธอไปยังดวงจันทร์เพื่อหาหลักฐานการมีตัวตนของฉางเอ๋อ
เรื่องราว จากตำนานประเพณีวันไหว้พระจันทร์
จากเนื้อเรื่องจะเห็นว่าแม้ Over the moon จะนำตำนานประเพณีไหว้พระจันทร์มาทำแต่มันกลับเข้าใจดัดแปลงโดยสอดแทรกเอาเรื่องราวของครอบครัวมาใส่ได้อย่างลงตัว แถมคุณภาพของทั้งบทและภาพก็ยังเชื่อใจได้ด้วยฝีมือของ เกล็น คีน ที่เคยทำแอนิเมชันระดับออสการ์อย่าง Dear Basketball เมื่อปี 2017 และผ่านงานหนังของวอล์ตดิสนีย์มานับไม่ถ้วนจึงกลายร่างตำนานจีน ๆ สู่แอนิเมชันมิวสิคัลที่ให้คุณภาพไม่อายหนังโรงเลยทีเดียว
การดำเนินเรื่องราวและความสนุกของหนังเรื่อง Over the moon เนรมิตฝันสู่จันทรา พร้อมทั้งตำนานของฉางเอ๋อ
Over the moon เนรมิตฝันสู่จันทราเป็นการกล่าวถึงหรือเล่าเรื่องราวตำนานของฉางเอ๋อเทพธิดาแห่งดวงจันทร์โดยมีโฮ่วอี้ผู้เป็นสามี ซึ่งโฮ่วอี้และฉางเอ๋อนั้นได้รับคำสั่งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อกำจัดสัตว์ร้าย แต่เมื่อกำจัดได้สำเร็จก็ยังคงมีอันตรายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์คือ มีพระอาทิตย์ 10 ดวง
ทำให้โลดมนุษย์นั้นเกิดความแห้งแล้วทำให้โฮ่วอี้ใช้ธนูฆ่าพระอาทิตย์ไป 9 ดวง เมื่อเรื่องถึงหูเง็กเซียนฮ่องเต้ ทำให้โฮ่วอี้และฉางเอ๋อถูกทำโทษให้เป็นมนุษย์ ไม่ให้กลับไปที่สวรรค์อีก แต่นานวันเข้าฉางเอ๋อไม่สามารถทนใช่ชีวิตลำบากบนโลกมนุษย์ได้ทำให้เธอแอบกินยาวิเศษแล้วขึ้นไปบนพระจันทร์เพียงผู้เดียว ต่อมาโฮ่วอี้ถูกลอบฆ่าทำให้ฉาเอ๋อนั้นต้องอยู่โดดเดียวคนเดียวบนโลกพระจันทร์
แอนิเมชัน 3D ที่โดดเด่นด้านดีไซน์
สำหรับงานภาพต้องบอกว่านี่เป็น แอนิเมชัน 3Dที่โดดเด่นด้านดีไซน์มากตั้งแต่คาแรกเตอร์ที่พยายามคิดดีไซน์จากชาติพันธุ์ทั้งลักษณะตา รูปทรงและสีผิวที่ใกล้เคียงคนจีนจริง ๆ ทั้งตาชั้นเดียวและคิ้วที่ดูหนาดกดำไปจนถึงลักษณะของสัตว์ที่อ้างอิงจากความเชื่อปีนักษัตรได้อย่างมีชีวิตชีวาและที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ระบบภาพ Dolby Vision ที่กล้าพูดได้เลยว่าบ้านใครซื้อทีวีที่มี Dolby Vision หรือแม้แต่ HDR 10+ นี่คือเปิดลองทีวีได้เลยครับ สวยสดงดงามมาก ๆ
ในส่วนของเรื่องลายเส้นภาพและเสียงนั้น ขอบอกเลยว่ามีความคล้ายคลึงกับการ์ตูนดิสนีย์มาก อารมณ์แบบดูการ์ตูนดิสนีย์ ยิ่งตอนร้องเพลงมิวสิคัลนะภาพ Frozen ลอยมา ลายเส้นมีความคล้ายเจ้าหญิงโมอาน่าผสมมู่หลานอะไรประมาณนั้น ส่วนเรื่องของอารมณ์ การ์ตูนเรื่องนี้บอกเลยว่าครบมาก สุข เศร้า อบอุ่นหัวใจ ตลกและตื่นเต้น เอาเป็นว่าเด็กดูได้ ผู้ใหญ่มีน้ำตาซึม
ความรู้สึกหลังดู รีวิว over the moon
ส่วนตัวเรื่องก็เล่าได้ไหลลื่นดี มีมุกตลกที่ได้ผลเป็นส่วนใหญ่และคาแรกเตอร์กระต่ายอย่างเจ้าบันจี้ก็น่ารักน่ากอดดี ส่วนเทพีฉางเอ๋ออย่างบอกว่านางแซ่บมาก แซ่บระดับที่เชื่อว่า กะเทยได้ดูคงยกให้เป็นแม่แน่นอนผนวกกับเพลงที่นางร้องเปิดตัวด้วยแล้วนี่ขอบอกว่าเปรี้ยวเยี่ยวราดมากแม่ ! ส่วนเพลงอื่น ๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ดีนะครับแม้ส่วนตัวจะรู้สึกว่ายังไม่ลื่นไหลหรือชวนร้องตามแบบการ์ตูนดิสนีย์ก็เถอะ
สรุปแล้วถือว่าดีเกินคาดเลยครับสำหรับแอนิเมชันเรื่องนี้ เหมาะสำหรับเปิดดูเพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาที่มาของประเพณีไหว้พระจันทร์ที่เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักแค่ขนมไหว้พระจันทร์นั่นแหละ และมันยังให้ข้อคิดดี ๆ เรื่องการทำใจยอมรับความสูญเสียและอยู่กับปัจจุบันซึ่งแอนิเมชันก็พูดถึงเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งทีเดียวครับ
Over the moon เนรมิตฝันสู่จันทราต้องขอยอมรับความสามารถของผู้กำกับรวมถึงผู้เขียนบทเลยทีเดียวว่าทำภาพยนต์เรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก สามารถเอาไปเปรียบเทียบกับอนิเมชั่นระดับดิสนีย์ได้เลยไม่ว่าจะเป็นลายเส้นบนภาพวาด สีบนภาพยนต์ ที่มีความสดใสและความชัด เพลงประกอบภาพยนตร์ที่เพราะมากฟังติดหูตั้งแต่ครั้งแรก การเล่าเรื่องราวของเทพฉางเอ๋อในแบบยุคปัจจุบันที่ถือว่าทำการบ้านได้ดีเป็นการเล่าเรื่องราวที่ดัดแปลงออกมาได้อย่างน่าสนใจแฝงไปด้วยแง่คิดมากมาย มีระบบภาพแบบ Dolby Vision ที่โดดเด่นสีสันตื่นตา เป็นงานภาพ 3D ที่โดดเด่นด้านการดีไซน์เป็นอย่างมาก
การเล่าเรื่องราวมีความลื่นไหลชวนให้ติดตาม และความเป็นกลิ่นอายของการตูนดิสนีย์ถือว่ามีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก ข้อเสียคงเป็นความสัมพันธ์ของตัวละครยังนำเสนอออกมาได้ไม่ดีพอ มุกบางมุกในบทบางตอนค่อนข้างแป๊ก เนื้อเรื่องจบง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยให้ความรู้สึกแปลกใหม่ เช่นความรู้สึกของความสัมพันธ์ระหว่างชินและเฟยเฟย ที่ควรจะมีให้เห็นมากกว่านี้ว่าทำไมน้องชายต่างแม่ถึงได้รักและชอบเธอขนาดนั้น แต่ถือก็ถือได้ว่าภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด และไม่ผิดหวังแน่นอน
จุดเด่นเนรมิตฝันสู่จันทรา
นำตำนานมาดัดแปลงเล่าได้กลมกล่อมมีแง่คิด ดีไซน์คาแรกเตอร์สวยงาม กระต่ายน่ารักดี สิงโตตุ้งแช่ ก็ถูกนำเสนอได้น่าตื่นตาดี
เทพีฉางเอ๋อคือแม่ของกะเทยโดยแท้ เพลงเพราะคุณภาพดี ระบบภาพ Dolby Vision โดดเด่นมาก ให้สีสันตื่นตา
การเล่าเรื่องราวมีความลื่นไหลชวนให้ติดตาม และความเป็นกลิ่นอายของการตูนดิสนีย์ถือว่ามีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก ข้อเสียคงเป็นความสัมพันธ์ของตัวละครยังนำเสนอออกมาได้ไม่ดีพอ มุกบางมุกในบทบางตอนค่อนข้างแป๊ก เนื้อเรื่องจบง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยให้ความรู้สึกแปลกใหม่ เช่นความรู้สึกของความสัมพันธ์ระหว่างชินและเฟยเฟย ที่ควรจะมีให้เห็นมากกว่านี้ว่าทำไมน้องชายต่างแม่ถึงได้รักและชอบเธอขนาดนั้น แต่ถือก็ถือได้ว่าภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด และไม่ผิดหวังแน่นอน
วิเคราะห์ เนรมิตฝันสู่จันทรา การ์ตูนอนิเมชั่น แนวผจญภัย
การ์ตูนดิสนี่ย์สนุกๆ ภาพยนต์อนิเมชั่นแฟนตาซีการ์ตูนของ Netflix กำกับการแสดงโดน เกลนคีน โดยภาพยนต์เรื่องนี้ถูกสร้างโดยเพิร์ลสสตูดิโอ และ Netflix อนิเมชั่น ซึ่งภาพยนต์เรื่องนี้ได้ถูกนำมาเปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลภาพยนต์มอนต์แคลร์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2020 และถูกนำมาฉายใน โรงภาพยนตร์วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งภาพยนต์ซึ่งเวลาในการฉายภาพยนต์เรื่องนี้ใช้เวลาอยู่ 1 ชั่วโมง 45 นาที มีเสียงภาคทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาไทย และภาษาอังกฤษให้เลือกรับฟัง ซึ่งเรื่องนี้ก็สามารถสร้างรายได้อย่างล้นหลามและได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนต์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมปีที่ 93 รางวัลออสการ์อีกด้วย